วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

เอกสาร 6 อย่าง ที่ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งความเอกสารหาย!

ช่วงนี้เห็นหลาย ๆ คนขึ้นมาบนโรงพักกันบ่อยๆ เพื่อแจ้งความเอกสารหาย โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเอกสารที่ไม่จำเป็นที่จะต้องแจ้งความเอกสารหาย สามารถไปทำใหม่ได้เลย โดยเอกสารดังกล่าวมีดังนี้


1.สำเนาทะเบียนบ้านหาย : ให้เจ้าบ้านหรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าบ้าน โดยมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าบ้านไปดำเนินการทำใหม่ได้เลย

2.บัตรประชาชนหาย : ให้ผู้ที่บัตรประชาชนหายนำทะเบียนบ้านตัวจริงไปดำเนินการทำบัตรใหม่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องนำใบแจ้งความไปแนบ

3.แผ่นป้ายทะเบียนรถหาย : ให้นำสมุดคู่มือการจดทะเบียนรถนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ กรมการขนส่งทางบกดำเนินการออกแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ได้เลย

4.ใบอนุญาตขับขี่หาย : ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปดำเนินการทำใบอนุญาตขับขี่ใหม่ได้เลย โดยทำที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานย่อย และไม่ต้องสอบใบขับขี่รถใหม่ เพียงแค่ถ่ายรูปติดใบอนุญาตขับขี่ใหม่เท่านั้น หากเป็นใบขับขี่ตลอดชีพก็จะได้ใบขับขี่ตลอดชีพเช่นเดิม

5.บัตรประกันสังคม และบัตรรับรองสิทธิรักษาพยาบาลหาย : ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปดำเนินการทำบัตรใหม่ได้เลย ณ สำนักงานประกันสังคมหรือติดต่อผ่านฝ่ายบุคคลของบริษัทตนเอง

6.บัตรประจำตัวผู้เสียภาษีหาย : ให้นำบัตรประจำตัวประชาชน/ทะเบียนบ้าน ไปดำเนินการทำบัตรใหม่ได้เลย ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่เขตของท่าน

โดยการมาแจ้งความเอกสารหาย ในเอกสารดังกล่าวก็สามารถทำได้ ไม่ได้ผิดอะไร ทั้งยังเป็นการยืนยันว่าเอกสารนั้นๆ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา ป้องกันการที่ผู้อื่นนำเอกสารที่หายดังกล่าวไปใช้ แต่ถ้าหากคิดว่าหายภายในบ้านหาไม่เจอ จะออกบัตรใหม่ หรืออะไรที่คิดว่าไม่ได้ถูกคนอื่นขโมยหรือเอาไป ก็แนะนำว่าสามารถไปทำได้เลยโดยไม่ต้องไปแจ้งความเอกสารหายครับ :)

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ว่าที่ร.ต.ต.จาริต เร้าเสถียร อันดับที่ 2 ของรุ่น 69 !



แอดมิน : สวัสดีครับแนะนำตัวให้ทางบ้านรู้จักหน่อยครับผม

จาริต : สวัสดีครับผมว่าที่ร.ต.ต.จาริต  เร้าเสถียร  ชื่อเล่น ภูมิ ครับ

แอดมิน : ผมขอเรียกจาริตเหมือนเดิมละกันนะครับ เรียกภูมิแล้วมันแปลกๆ ฮ่าๆ จาริตจบจากโรงเรียนไหน และบ้านอยู่ จังหวัด อะไรครับ?

จาริต : ผมจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 53 จังหวัดกรุงเทพมหานคร อยู่ชมรม กรีฑา ครับ


แอดมิน : โห... อยู่ชมรมกรีฑามีเวลาอ่านหนังสือด้วยหรอครับเนี่ย? ซ้อมหนักมาเลยนะครับช่วงกีฬาเหล่า

จาริต : ใช่ครับ เวลาว่างมีน้อยมากครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดสรรเวลาครับ ถ้าเราบริหารเวลาดีและมีความตั้งใจจริงเราก็สามารถจัดเวลาให้กับการอ่านหนังสือได้ครับ

แอดมิน : จาริตมีความรู้สึกอย่างไรที่เรียนได้เป็นอาวุโสเป็นอันดับที่ 2 ครับ

จาริต : ผมรู้สึกดีใจและก็ภูมิใจมากครับ ผมไม่สามารถเก่งด้วยตัวคนเดียวได้ครับ ต้องอาศัยเพื่อนๆ และครูอาจารย์ คอยช่วยเหลือและแนะนำ ในสิ่งที่ผมยังขาด ขอบคุณอาจารย์ แล้วก็เพื่อน ๆ ทุกคน มากๆ  ที่คอยช่วยผมมาโดยตลอด ครับ




แอดมิน : จาริตตั้งเป้าหมายในการเรียนไว้ว่าอย่างไรครับ?

จาริต : ผมมีความตั้งใจที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ไปศึกษาสาขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพราะเป็นสิ่งที่ผมสนใจครับ และในทางการศึกษาถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเรียนต่อหรือศึกษาหาความรู้อื่นๆ ให้มากที่สุดเท่าที่ความสามารถของตัวไปถึงที่สุดเท่าที่ตนเองจะสามารถศึกษาต่อไปได้ครับ

แอดมิน : จาริตมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนครับ?

จาริต : แรงบันดาลใจคือคิดว่าทำอะไรอยากจะทำให้มันเต็มที่และดีที่สุดครับ ไม่ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร และก็เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจครับ

แอดมิน : เรียนเก่งแบบนี้มีเทคนิคในการเรียนการจำอย่างไรบ้างครับ?

จาริต : ผมจะพยายามสร้างภาพมันขึ้นมาเพื่อให้เราจดจำง่ายครับ ถ้าเรามีภาพอยู่ในหัวเราจะจินตนาการได้ว่ามันเป็นอย่างไร พยายามนึกถึงหลักความเป็นจริงครับ อิงตรรกะธรรมชาติ

แอดมิน : สำหรับจาริตคิดว่าวิชาอะไรสำคัญที่สุดครับ?

จาริต : การเรียนทุกวิชาสำคัญทุกวิชาครับ ประโยชน์ต่าง ๆ มีความแตกต่างกันครับ ที่สำคัญคือการนำเอาความรู้ของวิชานั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรครับ

แอดมิน : แล้วมีวิชาอะไรที่ยากหรือไม่ชอบที่สุดสำหรับจาริตไหมครับ?

จาริต : วิชาที่ยากสำหรับผมคือภาษาอังกฤษครับ

แอดมิน : แล้วเรามีวิธีการรับมือกับวิชาเหล่านั้นอย่างไร

จาริต : ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ไม่ถนัดตั้งแต่มัธยมแล้วครับ แต่ก็พยายามหาความสนุกกับมันครับ จนตอนนี้กลายเป็นความชอบไปแล้ว ถึงแม้จะยังไม่เก่งก็ตาม แต่รู้สึกว่าตัวเองได้พัฒนาขึ้นหลังจากได้พยายามพัฒนาและลองฝึกครับ

แอดมิน : แล้วจาริตมีเป้าหมายในชีวิตว่าอย่างไรบ้างครับ

จาริต : อยากเป็นตำรวจที่ดีที่ประชาชน สังคมให้การยอมรับครับ ได้ทำประชาชนมีความสุข มีความก้าวหน้าทางอาชีพการงานที่ดี และก็ทำให้ครอบครัว คนรอบข้างมีความสุขครับ

แอดมิน : จริงๆแล้วเรามีความฝันว่าจะเป็นอย่างไรในสายงานอาชีพตำรวจ

จาริต : จริงๆ ยังไม่มีความฝันว่าจะอยู่สายงายอะไรครับ แต่ก็รู้สึกชอบอาชีพตำรวจ จะพยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่สายงานอะไรครับ

แอดมิน : มีอะไรจะฝากถึงน้องๆ นรต. ในการเรียนบ้าง

จาริต : อยากให้น้อง ๆ ตั้งใจเรียน บางคนอาจจะเรียนไม่เก่ง หรือไม่ถนัดทางด้านนี้ แต่ก็อยากให้พยายามและมีความสุขกับการใช้ชีวิต และทำมันให้ดีที่สุด เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ หรือคนที่น้องรักภูมิใจครับ


วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แฉกลโกงมิจฉาชีพ! วิธีการหลอกลวงว่าสามารถยัดเข้า ร.ร.นายร้อยตำรวจได้!?




เนื่องจากว่าช่วงนี้ใกล้จะมีการสอบนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงขึ้น แอดมินจึงอยากจะมาเตือนผู้ปกครองทุกท่านถึงกลโกงจากพวกแก๊งมิจฉาชีพที่จะมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อหลอกเอาเงินของท่าน โดยวาดฝันไว้กับผู้ปกครองว่าจะสามารถฝากบุตรหลานของท่านเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้! โดยแอดมินจะขอเล่าในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกันมาในอดีต โดยจะขอยกเคสเล่าแบบง่ายๆ

ผมรู้จักคนใหญ่คนโต ผบ.ตร. - ผบ.รร.นรต. 
ผมสามารถฝากเข้าได้แต่ต้องมีค่าเงินช่วยเหลือนิดหน่อย 

มิจฉาชีพพวกนี้มักอ้างถึงคนใหญ่คนโตว่าพวกเขารู้จักคนนั้นคนนี้เข้ามาตีสนิทท่านแต่งตัวดีมีภูมิฐาน หรือแม้แต่อาจจะแอบแฝงอยู่ภายในค่ายติวที่ใดที่หนึ่ง เขาจะอ้างถึงนายตำรวจชั้นยศสูงที่ทำให้เราหลงเชื่อได้ หรืออาจจะเคยอ้างถึงว่าญาติของเขาเคยฝากคนนู้นคนนี้มาแล้ว! เมื่อเราหลงเชื่อมิจฉาชีพก็จะเริ่มเรียกเงินจากท่านเพราะว่าการฝากก็ต้องมีค่าฝากกันซักเล็กน้อย... บางคนเสียเงินหมื่น บางคนเสียเงินแสน... แต่สุดท้ายบุตรหลานของตนก็ไม่ได้เข้ามาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจอย่างที่หวัง

พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต (อดีตผบ.รร.นรต. ในสมัยนั้น) เคยกล่าวในที่ประชุมว่า
 "...ถ้าหากโรงเรียนแห่งนี้มีเส้นสายจริง สามารถฝากคนใหญ่คนโตเพื่อให้ลูกเข้าเรียนได้ 
บุตรชายของผมคงได้เข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจไปแล้ว..."

สอบรอบแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อน้องติดรอบสองแล้วละก็การทำงานของมิจฉาชีพจะเริ่มหนักหน่วงยิ่งขึ้น โดยถึงขั้นแอบแฝงมาเป็นผู้ปกครองในวันสอบภาควิชาพละศึกษา

ประสบการณ์จากผู้ปกครองแอดมินเลยคือ พ่อแม่ของแอดมินเล่าว่าคนพวกนี้จะแต่งตัวดี ทองเส้นใหญ่ๆ ทำตัวน่าเชื่อถือ คุยกับคนนู้นคนนี้ว่าตนรู้จักคนใหญ่คนโตสามารถฝากเข้าได้ (Pattern เดิมๆ) แต่ความน่าเชื่อถือ+ความเป็นกังวลของผู้ปกครองอยากให้บุตรหลานของตนได้เข้าเรียน ก็อาจจะมีคนหลงเชื่อได้ แต่ไม่ใช่พ่อแม่ของแอดมิน เพราะว่าพ่อแม่แอดมินเชื่อมั่นในตัวแอดมินว่าต้องทำได้ ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร และไม่ชอบที่จะฝากกับใครที่มาแอบอ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโต

พวกนี้ถ้าตกเบ็ดแล้วใครติดเหยื่อหลงเชื่อ คนที่ติดเพราะความสามารถของตนแต่พ่อแม่เอาไปฝากก็คิดเองเออเองว่าเส้นสายนี่มันดีจริงๆ ทั้งๆที่ติดได้ด้วยความสามารถของลูกตัวเองแท้ๆ...

ส่วนพวกที่ติดเหยื่อ แต่ว่าลูกสอบไม่ติด ไอ้คนพวกนี้ก็จะอ้างว่า "เงินไม่ถึง" หรือ "มีคนให้เยอะกว่า"
หรือสารพัดต่างๆนานา ที่สุดแล้วแต่พวกนี้จะกล่าวอ้าง พอผู้ปกครองเริ่มรู้ตัวว่าโดนหลอกโดนโกงก็ไม่กล้าที่จะไปแจ้งแก่ใคร หรือก็ไม่กล้าที่จะแจ้งความเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ เพราะใช้เงินสดส่งกันต่อหน้า ไม่ได้โอนเข้าบัญชีใคร รู้จักก็มีแต่เบอร์โทรติดต่อ แต่พอมันจบงานแล้วก็ทิ้งเบอร์หนี

10 คน ถ้าคนละแสน ก็ 1 ล้าน พวกที่ติดก็เป็นเครดิตให้ตัวเอง ส่วนพวกที่ไม่ติดก็บอกว่าไม่เป็นไร... 

พวกนี้นี่มันหาเงินง่ายกันจริงๆ...

ต่อไปเวลามีใครบอกว่ารู้จักกับ ผบ.ตร. หรือ ผบ.รร.นรต. พูดเสียงดังๆเลยว่า

"ปัดโธ่! ผบ.ตร.ผมก็รู้จัก!"
.
.
.
"ก็ท่านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดาไงเล่า!"
.
.
.
555555+

ทุกๆปีในการคุมสอบภาควิชาพละ รร.นรต.จะจัดน้องๆนรต.เฝ้ายามคอยสอดส่องพวกที่แอบอ้างเหล่านี้ แอดมินก็เคยอยู่ในชุดรปภ.แบบนั้นเช่นกัน และสิ่งที่ทำได้ก็คือการเชิญตัวออกไปเพราะหลักฐานมันไม่มีเป็นเพียงแค่คำพูด คนที่จ่ายเงินก็ไม่กล้าแสดงตัว กลัวลูกจะหลุดเนื่องจากทุจริต มิจฉาชีพพวกนี้มันเลยมีไม่หมดไม่สิ้น

ตำรวจมีภาพพจน์ที่ติดลบอยู่แล้วคนก็เลยคิดว่ามีเส้นสายไปเสียหมดทุกอย่าง ตอนสอบได้ใหม่ๆหลายคนมักพูดกับแอดมินว่าเข้าเรียนได้ หมดไปกี่แสนละนั่น?  แอดมินหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า 

"พ่อแม่ของผมหมดไป 2 หมื่นกว่าเท่านั้นเอง... 
ค่าหนังสือที่ผมซื้อมา 10 เล่ม กับค่ากวดวิชาอีกไม่กี่เดือน..."


สนธยา 52

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อนวัช ตันตินันทกุล หนุ่มหล่อกระชากใจป้า! เรียนอย่างไร ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้!?


สวัสดีครับวันนี้แอดมินคนเดิมยังไม่จบกับบทสัมภาษณ์อาวุโส 4 อันดับแรกของนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 นะครับ สำหรับอาวุโสอันดับที่ 3 ของเราเป็นหนุ่มหล่อมาดเข้ม ดีกรีอดีตผู้ช่วยผู้บังหมวดกองร้อยที่ 3 ที่ทำให้หัวใจสาวๆหลายคนต้องละลาย... อยากรู้ว่ายังโสดหรือไม่ แล้วทำไมถึงเรียนเก่งขนาดนี้ ลองติดตามอ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลยครับ!








แอดมิน : สวัสดีครับแนะนำตัวหน่อยครับ

อนวัช : สวัสดีครับผมว่าที่ร.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล ชื่อเล่นชื่อบอลครับ

แอดมิน : บอลบ้านอยู่จังหวัดอะไร และจบจากที่ไหนมาครับ?

อนวัช : บ้านผมอยู่ชุมพรครับ จบชั้นมัธยมศึกษาจาก ร ร.ศรียาภัย จ.ชุมพร เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 53 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 ครับ

แอดมิน : บอลอยู่ชมรมอะไรครับ

อนวัช : อยู่ชมรมโปโลครับ แข่งกีฬาโปโลน้ำและแข่งว่ายน้ำบางรายการครับ

แอดมิน : อยู่ชมรมเดียวกับพี่เณรมนุษย์กบเลยนะครับ... แล้วหน้าตาดีแบบนี้มีแฟนรึยังครับ?


อนวัช : ยังไม่มีครับ! (ตอบเสียงแข็ง)

แอดมิน : แหมๆ ได้ข่าวว่าเป็นขวัญใจใครหลาย ๆ คนนะครับ หล่อ เรียนเก่ง หน้าตาดี แบบชาวโอซาก้าแบบนี้ ไม่น่าเชื่อจริงๆน่าครับ ท่านผู้อ่านทางบ้าน ว่าแล้วอย่ารอช้า แอดเฟรน ทักแชทด่วนครับ! ฮ่าๆ

อนวัช : ดะ ..ดะ ..เดี๋ยวครับ ใจเย็นนะครับทุกๆคน

แอดมิน :แอดมินไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอก (จริงจริ๊งง) นะครับ แล้วบอลมีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับที่เรียนได้เกรดเฉลี่ยดีจนเป็นอันดับที่ ๓ แล้วได้เกรดเฉลี่ยรวม 4 ปีเท่าไหร่นะครับ?

อนวัช : เฉลี่ยรวม 4 ปีแล้ว ได้ 3.875 ครับ ก็รู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจมากๆ ไม่คิดว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ ฮ่าๆ

แอดมิน : 3.875!! คุณพระ! แล้วที่บอกไม่ได้คิดนี่คือยังไงครับ? บอลตั้งเป้าหมายในการเรียนไว้ว่าอย่างไร?

อนวัช :  ผมคิดอย่างเดียวว่าอยากทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจในตัวเรา แต่ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ที่เท่าไหร่ คิดว่าพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และที่สำคัญก็คือพยายามแข่งกับตัวเอง ต้องพยายามพัฒนาตัวเองขึ้นตลอดเวลา

แอดมิน : บอลมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนเป็นพิเศษไหมครับ?

อนวัช : ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอะไรเป็นพิเศษครับ ผมคิดแค่ว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา เราก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง พ่อแม่มีหน้าที่ที่จะเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด ลูกก็มีหน้าที่ที่เรียนหนังสือก็ต้องเรียนไป ส่วนตัวผมคิดว่าไม่อยากให้พ่อแม่ในยุคปัจจุบันที่อยากให้ลูกตั้งใจเรียน แล้วเอาของรางวัลต่างๆมาหลอกล่อ เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าเรียนเพราะของรางวัลนั้นๆ เมื่อไม่มีรางวัล ก็ไม่ตั้งใจเรียน แต่ผมอยากให้สอนให้เด็กคิดว่าการเรียนเป็นหน้าที่ดีกว่า โดยเมื่อทำได้คะแนนดีแล้วเราค่อยให้รางวัลก็ได้

แอดมิน : เรียนเก่งแบบนี้มีเทคนิคในการเรียนการจำอย่างไรครับ?

อนวัช : ผมจะพยายามทำความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ เป็นภาพรวมกว้างๆก่อน ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ประมาณไหน มันจะทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น เวลาจะจำก็พยายามคิดภาพตามแล้วก็เรียงเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่นเวลาจะจำประมวลกฎหมายต่างๆ ต้องรู้ก่อนว่ามาตรานี้มันพูดถึงหรือเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง เวลาจะจำก็แบ่งวรรค แบ่งช่วงในการที่จะท่องหรือจะจำให้ดี เอาให้เราเข้าใจให้ง่ายที่สุด
  


แอดมิน : สำหรับบอลคิดว่าการเรียน วิชา หรือ อะไรสำคัญที่สุด?

อนวัช : ผมคิดว่าทุกวิชามีความสำคัญเหมือนๆกัน เพราะอาชีพตำรวจเราต้องใช้ความรู้ความสามารถหลายๆด้านไปพร้อมๆกัน แต่อยากจะให้เน้นไปที่วิชากฎหมายต่างๆ เพราะขั้นแรกพวกเราจบไปเป็นพนักงานสอบสวนที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นตัวบทกฎหมายเราต้องแม่น ต้องบอกได้ว่าเขาผิดอะไร ยังไง หรือไม่ผิดเพราะอะไร ยังไง ถ้าเราไม่รู้จริง แล้วมั่วๆไป ก็มีเสี่ยงที่จะโดนร้องเรียนหรือโดนฟ้องกลับมากๆ

แอดมิน : บอลคิดว่าวิชาอะไรที่ยากหรือไม่ชอบที่สุดสำหรับเรา?

อนวัช : ตอนขึ้นเหล่ามาใหม่ๆ คิดว่าทุกวิชายากหมดเลย เพราะเราเรียนสายวิทย์-คณิตมาตลอด ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวบ้าง แต่วิชาที่ยากที่สุดสำหรับผมก็คือวิชากฎหมายปกครอง เพราะมีเนื้อหาเยอะมาก และเนื้อหาก็ค่อนข้างซับซ้อน เข้าใจยากอีกด้วย

แอดมิน : แล้วบอลมีวิธีการรับมือกับวิชาเหล่านั้นอย่างไรครับ?

อนวัช :  สำหรับวิธีรับมือก็คือต้องตั้งใจฟังอาจารย์ในห้องให้ดี เพราะถ้าเรามาอ่านเอง จะทำให้ไม่เข้าใจหรือเข้าใจไม่ถูกต้อง ส่วนช่วงใกล้สอบ ก็พยายามไปคุยกับเพื่อนๆว่าเนื้อหาต่างๆเป็นยังไงบ้าง ที่เราเข้าใจมามันถูกหรือผิดตรงไหนบ้าง และที่สำคัญก็คือต้องมีเวลาเตรียมตัวกับวิชาเหล่านี้ให้มากๆ

แอดมิน : แล้วบอลมีเป้าหมายในชีวิตว่าอย่างไรครับ?

อนวัช : เป้าหมายตอนนี้ในด้านการทำงานก็แค่เป็นตำรวจที่ดี ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เป็นที่รักและเคารพของประชาชน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้ยศอะไร ได้ตำแหน่งอะไร ส่วนเป้าหมายในด้านการเรียนก็อยากจะเรียนเนติบัณฑิตต่อ  

แอดมิน : มีอะไรจะฝากถึงน้องๆ นรต. ในการเรียนบ้าง

อนวัช : อยากให้น้องๆตั้งใจเรียนให้มากที่สุด พี่คิดว่าการเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญ ช่วงเวลาในโรงเรียนก็พยายามเอาความรู้ออกไปให้ได้มากที่สุด แต่การเรียนก็ไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิตของรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สิ่งอื่นที่สำคัญที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือความเป็นเพื่อน อยากให้น้องๆช่วยเหลือเพื่อนๆด้วย เมื่อเราเข้าโรงเรียนมาพร้อมกัน พี่ก็อยากให้เพื่อนๆทุกคนจบไปพร้อมๆ กัน ใครที่รู้หรือเข้าใจในบทเรียนแล้ว ก็อยากให้มาช่วยสอนเพื่อนคนอื่นที่ยังไม่เข้าใจหรือตามไม่ทันด้วย ขอฝากน้องๆด้วยนะครับ


...สิ่งไหนที่เป็นหน้าที่ของเรา 
เราก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 


ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง 
เราก็ต้องเริ่มจากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด...




สนทยา 52


วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มาทำความรู้จักกับ "วรายุทธ เสียงดี" อาวุโสลำดับที่ 4 ของนรต.รุ่นที่ 69!

สวัสดีครับวันนี้แอดมินคนเดิมจะพามาทำความรู้จักกับ อาวุโสลำดับที่ 4 ของนรต.รุ่นที่ 69 ผู้ที่มีความสามารถอันหลากหลายและเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาในหลายๆเรื่อง หลายๆคนอาจจะสงสัยว่างานติดดาวเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 59 ผู้ที่ได้รับโล่รางวัลเรียนดีไม่ใช่คนนี้นิ? ถูกต้องแล้วครับ เพราะโดยปกติการมอบรางวัลจะมอบเป็นรายเทอมไป แต่ลำดับอาวุโสนั้นนับจากคะแนนรวมตลอดทั้ง 4 ปี ดังนั้นแล้วถ้าอยากรู้ว่าเขาคนนี้เป็นใคร มีความสามารถมากแค่ไหน เชิญอ่านบทสัมภาษณ์ได้เลยครับ!






แอดมิน : สวัสดีครับวรายุทธ แนะนำตัวให้ทางบ้านได้รู้จักหน่อยครับ

วรายุทธ : สวัสดีครับผมว่าที่ ร.ต.ต.วรายุทธ เสียงดี ชื่อเล่นชื่อเติร์ก จบชั้นมัธยมศึกษาจาก ร.ร.บุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 53 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 69 อยู่ชมรมช่างศิลป์ครับ

แอดมิน : ขออนุญาตเรียก "วราฯ" ตามความเคยชินของแอดมินนะครับ

วรายุทธ : เอาเลยครับท่าน

ภาพขณะทำงานในชมรมช่างศิลป์ชั้นปีที่ 1
แอดมิน : ไม่ทราบว่าวราฯ เกรดเฉลี่ยรวมเท่าไหร่ และเป็นลำดับอาวุโสที่เท่าไหร่ครับ

วรายุทธ : เกรดเฉลี่ยรวมของผมอยู่ที่ 3.87 ครับเป็นผลเฉลี่ยตลอดทั้ง 4 ปี และได้ลำดับอาวุโสที่ 4 ครับ

แอดมิน : 3.87! เรียนยังไงครับเนี่ย? เอาหนังสือไปต้มกินรึเปล่าครับทำไมเรียนเก่งถึงขนาดนี้?

วรายุทธ : ก็อ่านหนังสือนี่แหละครับ หมั่นขยันอ่านวันละนิดละหน่อยความรู้ก็จะเพิ่มพูนไปเรื่อยๆครับ

แอดมิน : แล้วไม่ทราบว่าวราฯได้อาวุโสลำดับที่ 4 แล้ววราฯเลือกฝึกงานที่ไหนครับ?

วรายุทธ : ผมเลือกฝึกงาน สภ.เมืองเชียงใหม่ครับ ไปรับใช้ประชาชนพ่อแม่พี่น้องที่นั่น

แอดมิน : เลือกฝึกงานที่หนักเลยนะครับ มีวราฯไปอยู่แบบนี้ชาวเมืองเชียงใหม่คงอุ่นใจไปบ้างนะครับ แล้วเห็นว่าอีกความสามารถหนึ่งของวราฯ คือการพูด ไม่ว่าจะเป็นการโต้วาที หรือการเป็นพิธีกรงานต่างๆ ไม่ทราบว่าวราฯ ทำไมถึงมีความชอบในด้านนี้มากเป็นพิเศษครับ? เล่าให้ฟังหน่อย...

วรายุทธ : ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า เป็นเพราะคุณพ่อให้มา คือผมมีนามสกุล "เสียงดี" ก็คงจะเป็นความบังเอิญที่ผมชอบพูด ชอบสร้างความสนุกสนานหรรษาให้กับบุคคลรอบข้าง อีกประการหนึ่งที่ผมชอบพูดนั้น เพราะอาชีพตำรวจที่ผมทำอยู่นั้น นอกจากความสามารถด้านการบังคับใช้กฎหมาย ยุทธวิธีตำรวจต่าง ๆ แล้ว ต้องอาศัยการพูดสนทนา เจรจาต่อรอง ประกอบกับจิตวิทยาเพื่อโน้มน้าวหรือไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์ที่บานปลายเลวร้าย ผ่อนคลายความตึงเครียดหรือกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉะนั้น การฝึกพูด โดยเฉพาะต่อที่ชุมนุมชนหรือในที่สาธารณะ จึงเป็นสิ่งที่เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่านควรฝึกฝนให้คล่องแคล่ว สมกับสุภาษิตคำโบราณที่ว่า "ปากเป็นเอก เลขเป็นโท" รวมถึงงานในหน้าที่ตำรวจ เป็นงานที่ต้องใกล้ชิดกับประชาชน การพูดอย่างถูกต้องมีหลักการ และการพูดให้สนุกสนามขบขัน ชวนให้ผู้ฟังสนใจ จึงเป็นประการสำคัญเพื่อเพิ่มคุณลักษณะและขีดความสามารถในการทำงานของตำรวจให้เพิ่มและดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแล้ว ผมจึงชอบการพูด ชอบเป็นพิธีกร ชอบการเป็นโฆษกครับ


พิธีกรงานพิธีสวนสนามเนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2558
แอดมิน : เข้าหัวข้อหลักกันเลยนะครับ รู้สึกอย่างไรบ้างที่สอบได้คะแนนเฉลี่ยที่สูงถึง 3.87 และได้รับการจัดลำดับเป็นอาวุโสลำดับที่ 4 ครับ?

วรายุทธ : รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่มีโอกาสสอบได้คะแนนเฉลี่ยในเกณฑ์ที่ดี และครอบครัวของผมเองก็ปลาบปลื้มใจด้วยเช่นกันครับ

แอดมิน : ในตอนเรียนเราตั้งเป้าหมายไว้อย่างไรบ้างครับ?

วรายุทธ : เป้าหมายในการเรียนของผมคือ ไม่กดดันตัวเองจนมากเกินไป ทำให้ดีที่สุด สุดความสามารถของเรา ไม่ต้องแข่งกับใคร แข่งกับตัวเอง เอาชนะตัวเองให้ได้ ผลเป็นอย่างไร ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว

แอดมิน : เรียนเก่งขนาดนี้มีอะไร เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนของเราครับ?

วรายุทธ : แรงบันดาลใจในการเรียนของผมคือ คุณพ่อและคุณแม่ที่ให้กำลังใจทั้งในการเรียน การฝึก การสอบ และถึงแม้ว่าการมีผลการเรียนที่ดี อาจไม่ได้เป็นตัวกำหนดทั้งหมดของชีวิตการรับราชการ แต่ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของ นรต. ที่ดีอย่างหนึ่งให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ

แอดมิน : หลายๆคนคงอยากรู้ว่า เรียนดีขนาดนี้ เทคนิคในการเรียนของวราฯ คืออะไร?

วรายุทธ : เทคนิคในการเรียนของผม ผมจะวางแผนการอ่านหนังสือล่วงหน้า จัดตารางการอ่านจากวิชาสุดท้ายไล่มาหาวิชาแรก ตรงไหนไม่เข้าใจ ยังสงสัยอยู่ อย่าปล่อยผ่าน ต้องรีบแสวงหา ไขข้อกังขาให้กระจ่างชัด เมื่อเข้าใจแล้ว ให้ทดลองพูดคุย อธิบายให้เพื่อน ๆ ฟัง เพื่อตรวจสอบว่าที่เราอ่านมา เข้าใจถูกต้องหรือไม่ สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจตามที่เราเข้าใจได้หรือไม่ เพราะนั่นก็คือแนวทางในการตอบปัญหาสอบครับ

แอดมิน : ถึงว่าติวเพื่อนก่อนสอบตลอดเลยนะครับ... แล้วมีวิชาไหนที่เราคิดว่าสำคัญที่สุดไหมครับ?

วรายุทธ : ทุกวิชาสำคัญเหมือนกันหมดครับ เราควรตั้งใจกับทุกวิชา เพราะวิชาที่เรียนที่ รร.นรต. คือวิชาชีพที่เราต้องนำไปใช้ในการรับราชการตลอดชีวิต

แอดมิน : แล้ววิชาที่วราฯ คิดว่ายากที่สุด สำหรับวราฯ คือวิชาอะไรครับ?
พิธีกรวันงานสามพรานแดนดาวประจำปี 2558

วรายุทธ : วิชาที่ยากที่สุดคือ วิชาสอบสวน เพราะเนื้อหากว้างและรายละเอียดเยอะมาก ต้องใช้ความอุตสาหะในการทำความเข้าใจ เป็นวิชายาขมที่ผมต้องปรับตัวให้ชอบให้ได้ เพราะวิชาสอบสวนเป็นพื้นฐานของงานสอบสวน เมื่อจบการศึกษาแล้ว ต้องดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวน งานสอบสวนจึงจำเป็นและสำคัญ เพื่อเป็นพื้นฐานที่มั่นคงในการปฏิบัติราชการต่อไป

แอดมิน : แล้วเวลาวราฯ เจอวิชาที่ยากและไม่ชอบแบบนี้ วราฯ มีวิธีรับมืออย่างไรครับ?

วรายุทธ : ผมจะพยายามปรับความรู้สึกให้ชอบวิชานั้นให้ได้ครับ เพราะต่อให้ยากขนาดไหน เราก็ต้องเรียน ต้องสอบ ต้องใช้ มันหนีไม่พ้น ผมก็เลยคิดเสียว่า ก็เรียนให้สนุก ให้มีความสุขดีกว่า ตรงไหนสงสัยก็ถามอาจารย์ผู้สอน ถามเพื่อนให้เข้าใจ

แอดมิน : เป้าหมายในชีวิตของวราฯ คืออะไรครับ?

วรายุทธ : เป้าหมายในชีวิตของผมคือ อยากรับราชการเพื่อสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ และสร้างคุณงามความดีด้วยการทำคุณประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน

แอดมิน : ตอบซะหล่อเลยนะครับ ฮ่าๆ แล้วจริงๆแล้ววราฯ มีความฝันว่าจะเป็นอย่างไรในสายงานอาชีพตำรวจครับ?

วรายุทธ : จริงๆแล้ว ถ้ามีโอกาส ผมอยากรับราชการในตำแหน่งทุกสายงานให้ครบถ้วน เพื่อให้มีประสบการณ์ที่หลากหลาย รู้จักหน้างานทุกด้าน เพื่อให้การปฎิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างสมบูรณ์ครับ

แอดมิน : เรียนและทำงานเก่งแบบวราฯ แอดมินเชื่อว่าทำได้ทุกหน้างานอยู่แล้วครับ สุดท้ายแล้วนะครับ ไม่ทราบว่าวราฯอยากจะฝากอะไรถึงน้องๆ นรต. และเพื่อนข้าราชการตำรวจบ้างครับ

วรายุทธ : ขอให้ นรต. ที่กำลังศึกษาอยู่ทุกท่าน มุ่งมั่นตั้งใจฝึกศึกษา เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญ จำเป็นกับการรับราชการในอนาคตอย่างแน่นอนครับ สุดท้ายถึงแม้ทิศทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใดเลยที่จะมีการยกเลิก "ตำรวจ" เพราะพวกเราคือสถาบันอันทรงเกียรติที่มีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน และปราบปรามผู้กระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งเรายังเป็น "ข้าราชการ" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ได้ทรงไวว้วางพระราชหฤทัยให้พวกเราได้สนองพระเดชพระคุณ รับราชการต่างพระเนตรพระกรรณพระองค์ท่าน ฉะนั้นแล้ว ขอให้ทุกท่านรำลึกถึงครั้งที่พวกเราได้ประดับยศเป็นข้าราชการตำรวจในวันแรก ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีอุดมการณ์มากมายเพียงไหน ขอให้ท่านระลึกถึงความรู้สึกนั้น 

เพราะพวกเราไม่ได้ประกอบอาชีพตำรวจ 
แต่พวกเราคือ..."ตำรวจมืออาชีพ"



สนทยา 52 

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กอน.สายครูอาจารย์ เข้าพิธีรับชุดเล็กและถวายคำสัตย์ปฏิญาณ

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 นักเรียนอบรมหลักสูตร กอน.สายครูอาจารย์ เข้ารับพิธีสวมเครื่องแบบปกติเสื้อเชิ้ตคอพับแขนยาวสีกากีมีผ้าผูกคอ (ชุดเล็ก) และถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพล.ต.ต.ถนอม มะลิทอง ผู้บังคับการปกครอง โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นประธานในพิธี ซึ่งได้ให้โอวาทและแนวคิดในการปฎิบัติตนแก่นักเรียนอบรมหลักสูตร กอน. สายครูอาจาร์นี้ด้วย





           

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รับชุดเล็กนักเรียนอบรม...อีกก้าวเล็กๆสู่นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร!


             เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2558 ได้มีกิจกรรมเสริมสร้างความภาคภูมิใจในการแต่งเครื่องแบบปกติเสื้อเชิ้ตคอพับกากีแขนยาวมีผ้าผูกคอ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า "ชุดเล็ก" ให้แก่ นักเรียนอบรม หลักสูตร การฝึกอบรมช้าราชการตำรวจชั้นประทวน ผู้ซึ่งมีวุฒิการศึกษาปริญญาโท เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตร หรือย่อสั้นๆว่า กอน. สายครูอาจารย์ โดยหลักสูตรนักเรียนอบรมนี้อยู่ภายใต้การฝึกอบรมของฝ่ายปกครอง 2 หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า กองร้อยที่ 5 

พ.ต.อ.วิกรานต์ รามโกมุท ผกก.ฝ่ายปกครอง 2 กล่าวเปิดกิจกรรมเสริมสร้างความภาคภูมิใจ

         โดยปกติแล้วนักเรียนอบรมหลักสูตร กอน. จะไม่มีการรับชุดเล็กเนื่องจากว่าการฝึกมักจะฝึกเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น แต่หลักสูตรนี้มีความยาวนานเกือบถึง 6 เดือน ทางฝ่ายกครอง 2 จึงใช้วิธีการฝึกแบบเดียวกันกับนักเรียนอบรมหลักสูตร กอส. ที่ใช้การจำลองรูปแบบการฝึกของนรต. ทั้ง 4 ปี




         โดยการปลูกฝังนั้นมีความมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ตัวนักเรียน และตระหนักถึงภาระหน้าที่ภายใต้เครื่องแบบที่สวมใส่ รวมทั้งปลูกฝังข้อคิดเพื่อให้รู้ประวัติศาสตร์ของเครื่องแบบ




        กิจกรรมครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 20.30 น. จนถึง 22.30 น. กิจกกรมนี้นั้นไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความเหนื่อยกายแต่เน้นในการให้ความรู้และปลูกฝังความคิดสิ่งที่ดีและความภาคภูมิใจให้แก่นักเรียนอบรมทุกนายเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฎิบัติตัวในอาชีพตำรวจในวันข้างหน้า


"....สีกากี คือสีแห่งดิน การที่ข้าราชการตำรวจต้องใส่ชุดสีกากีนั้น
เป็นกุศโลบายเพื่อให้เราทำตัวติดดิน คอยรับฟังและแก้ไขปัญหาของประชาชน..."
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.กฤษฏิ์ หอมขจร


" ก่อนจะเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชาเสียก่อน "
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.นวภัทร ไฝเครือ



" นักเรียนเหนื่อยกายได้แต่อย่าเหนื่อยใจ...
ต้องเปลี่ยนแปลงความความคิดในเชิงลบให้เป็นพลังในเชิงบวกให้ได้! "
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.อนุชา แก้วก่ำ 


"...การแต่งเครื่องแบบตำรวจเป็นเครื่องเตือนสติแก่ข้าราชการตำรวจที่จะรักษาวินัยความประพฤติ
การที่เราแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบ
ย่อมแสดงให้เห็นว่าตัวเรานั้นตำรวจผู้นั้นมีระเบียบวินัย..."
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.หญิง กนกวรรณ พูลสมบัติ


"...แสงจากเปลวเทียน หลายครั้งที่มันถูกลมพัดหรี่ลง เสียจนเหมือนกับว่ามันจะดับลงในไม่ช้า...
แต่มันก็กลับมาลุกโชนอีกครั้งเมื่อสายลมได้ผ่านไป
...ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน...
วันใดที่เราเหนื่อย เราท้อแท้ ขอให้พวกเราจดจำวันนี้ไว้ว่าอีกไม่นานเมื่ออุปสรรคได้ผ่านพ้นไป
เราก็จะกลับมาเป็นเปลวเทียนที่ลุกโชนและส่องสว่างอีกครั้งหนึ่ง..."

ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.ธรณ์ธันย์ ลอยประเสริฐ 

         แนวคิดการปลูกฝังนี้มีความหวังเพื่อให้ใช้เป็นเครื่องเตือนสติเมื่อจบไปเป็นนายตำรวจ ให้พึงระลึกเสมอทุกครั้งที่ต้องแต่งเครื่องแบบทำหน้าที่ว่าตำรวจเรามีหน้าที่อย่างไรควรที่จะปฎิบัติตัวเช่นไร ในวันนี้อาจเป็นเพียงก้าวเล็กๆสู่นายตำรจชั้นสัญญาบัตร แต่จะเป็นก้าวที่สำคัญที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็จะไม่ลืมสิ่งที่ปลูกฝัง คำสอนต่างๆ ที่ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดและนายตำรวจฝ่ายปกครอง 2 ทุกท่าน ตั้งใจให้นักเรียนอบรมทุกคนจบไปเป็นนายตำรวจที่ดี.



สนทยา 52