ใครจะไปเชื่อกันละครับว่า นักเรียนนายร้อยตำรวจของเราจะสามารถเป็นตัวแทนของประเทศไทย ไปร่วมประชุมถึงต่างประเทศ! ตอนได้ยินครั้งแรกแอดมินนี่อึ้งไปเลยครับ กับความสามารถของเพื่อนแอดมินคนนี้ แอดมินจึงได้ทำการสัมภาษณ์ให้ผู้อ่านได้มาทำความรู้จักกับเพื่อนคนเก่งของแอดมินคนนี้ว่าเขาได้ไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไมถึงได้ไปไกลถึงขั้นเป็นตัวแทนของประเทศไทย เชิญอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยครับ!
แอดมิน : สวัสดีครับปริ้นซ์ รบกวนแนะนำตัวให้ผู้อ่านรู้จักหน่อยครับ
ปริ้นซ์ : สวัสดีครับ กระผม นรต.ธติยฤกษ์ ไชยศิลป์ ชื่อเล่นชื่อปริ้นซ์ อายุ 23 ปีครับ ปัจจุบัน เรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 เป็น นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 และเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดกองร้อยที่ 1 ครับ
แอดมิน : ก็ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ปริ้นซ์ไปเป็นตัวแทนของเยาวชนไทยในโครงการอะไรครับ?
ปริ้นซ์ : โครงการที่ผมไปมีชื่อโครงการว่า "โครงการทูตเยาวชนนิติธรรม"
จุดประสงค์ของโครงการ คือ คัดเลือกผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมประชุมเยาวชนแห่งกาตาร์ ( Qatar) และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์
จุดประสงค์ของโครงการ คือ คัดเลือกผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมประชุมเยาวชนแห่งกาตาร์ ( Qatar) และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์
![]() |
สำนักข่าวไทยรัฐ ทำการสัมภาษณ์ตัวแทนเยาวชนไทย "โครงการทูตเยาวชนนิติธรรม" |
แอดมิน : มีความคิดอย่างไรถึงได้สมัครโครงการนี้ครับ?
ปริ้นซ์ : ต้องการเปิดโลก เนื่องจากเราเป็นตำรวจ การทำงานของตำรวจต้องติดต่อประสานงานกับผู้คน และในอนาคตในยุคสมัยโลกาภิวัฒน์ เรายิ่งต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่มากที่สุด โดยเฉพาะจากสถานที่ต่างๆ และจากแนวคิดของผู้คนจากหลายๆเชื้อชาติ
แอดมิน : ตอบมาอย่างสวยหรู คราวนี้ขอคำตอบแบบไม่มีสาระครับ
ปริ้นซ์ : เห็นคำว่า โดฮา ก็เลยอยากไปเมืองนอกครับ ฮ่าๆ
แอดมิน : ฮ่าๆ แล้วตอนแรกปริ้นซ์คิดไหมครับว่า ร.ร. จะสนับสนุนอย่างไรบ้าง
ปริ้นซ์ : โรงเรียนเรา มีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเฉพาะตัว การที่เราได้รับโอกาสนี้คิดว่ายาก เนื่องจากขัดต่อภารกิจหลักของโรงเรียน ผมเลยคิดว่าเราต้องทำให้โรงเรียนเห็นก่อนว่าเรามีความสามารถจริงๆ เพื่อที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่าเรามีความตั้งใจที่จะไปจริง
แอดมิน : แล้วมีการสอบคัดเลือกอย่างไรบ้าง?
ปริ้นซ์ : การสอบคัดเลือกแบ่งเป็น สาม รอบ ครับ
-รอบแรก วัดความรู้ความสามารถทั่วไป
คือการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ
-รอบสอง คือการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
-รอบสาม คือเข้าค่ายเสริมสร้างความรู้
แอดมิน : โอ้โห! กว่าจะผ่านแต่ละรอบมาได้ยากพอควรเลยนะครับ!! แล้วปริ้นซ์เตรียมตัวนานไหมกับการต้องไปสอบคัดเลือก?
ปริ้นซ์ : เตรียมตัวตั้งแต่รู้เรื่อง คือประมาณ 1
เดือนก่อนปิดรับสมัคร ช่วงนั้นก็พยายามหาความรู้เกี่ยวกับหลักนิติธรรม
และโชคดีที่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไปฝึกงานภูธรพอดีทำให้ผมมีประสบการณ์ในการเขียนเรียงความในรอบคัดเลือกรอบแรกได้
แอดมิน : แล้วภาษาอังกฤษนี่ปริ้นซ์เตรียมตัวอย่างไรครับ? เพราะสอบเข้ารอบได้ขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
ปริ้นซ์ : เด็กไทยหลายคนที่ผมรู้จักที่เก่งภาษาอังกฤษส่วนมากแล้วจะเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปต่างประเทศ
หรือว่าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ในหลักสูตรภาษาอังกฤษ
แต่สำหรับผมด้วยฐานะทางบ้านแล้ว ผมไม่มีโอกาสแบบคนเหล่านั้น
ผมจึงต้องขวนขวายด้วยตัวเอง เช่น การฟังเพลง ก็คือฟังเนื้อเพลง
ไม่ใช่ฟังฝรั่งคร่ำครวญแล้วไม่ได้รู้ประโยคหรือความหมายของมัน การดูหนัง
ถ้าเราจะเสียเวลาซัก 2-3 ชั่วโมงแล้ว เราก็พยายามทำให้มันมีประโยชน์ที่สุด
โดยการพยายามจัดประโยคคำพูดของตัวละคร และโชคดีที่ว่าผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ
ผมจึงพยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วย
แอดมิน : ปริ้นซ์ทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษว่างั้นเถอะ?
- ปริ้นซ์ : ใช่ครับ
แอดมิน : ตอนคัดจนถึงรอบสุดท้าย มีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
ปริ้นซ์ : ตอนแรกคิดว่าตนเองไม่ติดด้วยซ้ำ
เพราะว่าเพื่อนที่ค่ายทุกคนล้วนมีความสามารถมากๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังงงเลยครับว่าเราติดได้ไง
ฮ่าๆๆ
" เพราะเราอยู่แต่ในรั้วโรงเรียน เราเลยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว
ความสามารถของพวกเราก็เทียบเท่ากับบุคคลภายนอก "
แอดมิน : ไปโดฮาครั้งนี้ ได้ไปทำไรบ้างครับ? ไปกี่วัน?
- ปริ้นซ์ : ก็ไปร่วมประชุมอย่างที่ได้บอกไปแหละครับ
ไปตั้งแต่ 6 – 20 เมษา 58 มันทำให้ผมรู้ว่าในเวทีระดับโลก ผู้ใหญ่เขาให้ความสำคัญ
กับความคิดของเยาวชน
ไม่เหมือนกับในสังคมเราที่บางครั้งยังยึดมั่นในความคิดแบบเก่าๆ
ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องใช้ความคิดเห็นจากหลายๆมุมมอง
ในการประชุม โดฮา Youth Forum เลขาธิการ นาย บัน คีมุน เป็นคนมารับ
ความคิดเห็นของเยาวชนด้วยมือของเขาเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้จากการประชุมครั้งนี้
คือ
การตระหนักถึงความสำคัญของหลักนิติธรรมซึ่งในบ้านเรานี้เหมือนยังไม่ให้ความสำคัญมากเท่าที่ควร
ก็รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายที่จะต้องส่งเสริมหลักนิติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่
แอดมิน : แล้วได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ไหนมาบ้างครับ?
ปริ้นซ์ : จริงๆแล้วส่วนมากก็ไม่ค่อยได้เที่ยวหรอกครับ เข้าประชุมอยู่ตลอด 2 อาทิตย์ แต่ที่โดฮาชอบทะเลทรายของที่กาตามากครับ ได้เจออูฐด้วย กลับมาจากที่นั่น 2 สัปดาห์ก็ได้ข่าว "ไวรัสเมอ์ส" ระบาดจากอูฐพอดีเลย ฮ่าๆ
แอดมิน : หลังจากไปประชุมมาได้รับหลักแนวคิดอะไรมาบ้างครับ?
- ปริ้นซ์ : แนวคิดเกี่ยวกับหลักนิติธรรมเปลี่ยนไปมากครับ
ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าคำว่าหลักนิติธรรมสำคัญมาก เพราะสามารถส่งผลต่อสังคมของเราได้และยิ่งผมซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ
ก็เหมือนเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ทำงานในเครื่องจักรแห่งกระบวนการยุติธรรม
ถ้าเราสามารถทำให้ฟันเฟืองทุกตัวหมุนไปในทางเดียวกันก็ย่อมทำให้เครื่องจักนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แอดมิน : แล้วได้วางแนวทางให้รุ่นน้อง นรต.
ได้ไปต่างประเทศแบบนี้บ้างไหมครับ
- ปริ้นซ์ : โชคดีที่ผมได้เป็น ผู้ช่วย ผบ.มว.ร้อย 1
จึงมีโอกาสได้พบปะกับน้องๆมากเป็นพิเศษ
อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงถึงขั้นต้องไปต่างประเทศครับ
เพียงแค่ต้องการชี้นำให้น้องได้พัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษและหลักนิติธรรม
ส่วนเรื่องไปต่างประเทศนั้นเป็นของแถมครับ
แอดมิน :อยากให้โรงเรียนสนับสนุนหรือผลักดันโครงการแบบนี้อย่างไรบ้างครับ
- ปริ้นซ์ : อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน
เพราะโครงการแบบนี้มีบ่อยมาก แต่นักเรียนเราแทบไม่รู้เรื่องโลกภายนอกเลย นักเรียนนายร้อยตำรวจของเราที่มีความสามารถทั้งด้านนี้และในด้านอื่นๆยังมีอีกเยอะมาก คือนักเรียนมีคุณภาพแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือการแจ้งกิจกรรมภายนอกโรงเรียนเท่าใดนัก ผมอยากให้บุคคลภายนอกได้เห็นว่านักเรียนนายร้อยตำรวจอย่างเราเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถไม่น้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดเลยคือ ผมอยากเห็นน้องๆรุ่นต่อไป พัฒนาเป็นบุคลลากรที่มากความสามารถครับ!
แอดมิน : อยากฝากอะไรถึงน้องๆและท่านผู้อ่านบ้างไหมครับ
สนทยา 52
ผู้สัมภาษณ์/เรียบเรียง/เผยแพร่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น