วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อึ้งทั้งโรงเรียน! เมื่อนรต.เป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปประชุมระดับชาติ!!


        ใครจะไปเชื่อกันละครับว่า นักเรียนนายร้อยตำรวจของเราจะสามารถเป็นตัวแทนของประเทศไทย ไปร่วมประชุมถึงต่างประเทศ! ตอนได้ยินครั้งแรกแอดมินนี่อึ้งไปเลยครับ กับความสามารถของเพื่อนแอดมินคนนี้ แอดมินจึงได้ทำการสัมภาษณ์ให้ผู้อ่านได้มาทำความรู้จักกับเพื่อนคนเก่งของแอดมินคนนี้ว่าเขาได้ไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไมถึงได้ไปไกลถึงขั้นเป็นตัวแทนของประเทศไทย เชิญอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยครับ!

แอดมิน : สวัสดีครับปริ้นซ์ รบกวนแนะนำตัวให้ผู้อ่านรู้จักหน่อยครับ

ปริ้นซ์ : สวัสดีครับ กระผม นรต.ธติยฤกษ์ ไชยศิลป์ ชื่อเล่นชื่อปริ้นซ์ อายุ 23 ปีครับ ปัจจุบัน เรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 เป็น นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 และเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดกองร้อยที่ 1 ครับ

แอดมิน : ก็ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ปริ้นซ์ไปเป็นตัวแทนของเยาวชนไทยในโครงการอะไรครับ?

ปริ้นซ์ : โครงการที่ผมไปมีชื่อโครงการว่า "โครงการทูตเยาวชนนิติธรรม"
จุดประสงค์ของโครงการ คือ คัดเลือกผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมประชุมเยาวชนแห่งกาตาร์ (
Qatar) และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์

สำนักข่าวไทยรัฐ ทำการสัมภาษณ์ตัวแทนเยาวชนไทย "โครงการทูตเยาวชนนิติธรรม"

แอดมิน : มีความคิดอย่างไรถึงได้สมัครโครงการนี้ครับ?

ปริ้นซ์ :  ต้องการเปิดโลก เนื่องจากเราเป็นตำรวจ การทำงานของตำรวจต้องติดต่อประสานงานกับผู้คน และในอนาคตในยุคสมัยโลกาภิวัฒน์ เรายิ่งต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่มากที่สุด โดยเฉพาะจากสถานที่ต่างๆ และจากแนวคิดของผู้คนจากหลายๆเชื้อชาติ

แอดมิน : ตอบมาอย่างสวยหรู คราวนี้ขอคำตอบแบบไม่มีสาระครับ

     ปริ้นซ์ :  เห็นคำว่า โดฮา ก็เลยอยากไปเมืองนอกครับ ฮ่าๆ

แอดมิน :  ฮ่าๆ แล้วตอนแรกปริ้นซ์คิดไหมครับว่า ร.ร. จะสนับสนุนอย่างไรบ้าง

ปริ้นซ์ : โรงเรียนเรา มีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเฉพาะตัว การที่เราได้รับโอกาสนี้คิดว่ายาก เนื่องจากขัดต่อภารกิจหลักของโรงเรียน ผมเลยคิดว่าเราต้องทำให้โรงเรียนเห็นก่อนว่าเรามีความสามารถจริงๆ เพื่อที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่าเรามีความตั้งใจที่จะไปจริง

แอดมิน : แล้วมีการสอบคัดเลือกอย่างไรบ้าง?

     ปริ้นซ์ :  การสอบคัดเลือกแบ่งเป็น สาม รอบ ครับ
-รอบแรก วัดความรู้ความสามารถทั่วไป คือการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ
-รอบสอง คือการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
-รอบสาม คือเข้าค่ายเสริมสร้างความรู้

แอดมิน : โอ้โห! กว่าจะผ่านแต่ละรอบมาได้ยากพอควรเลยนะครับ!! แล้วปริ้นซ์เตรียมตัวนานไหมกับการต้องไปสอบคัดเลือก?

     ปริ้นซ์ : เตรียมตัวตั้งแต่รู้เรื่อง คือประมาณ 1 เดือนก่อนปิดรับสมัคร ช่วงนั้นก็พยายามหาความรู้เกี่ยวกับหลักนิติธรรม และโชคดีที่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไปฝึกงานภูธรพอดีทำให้ผมมีประสบการณ์ในการเขียนเรียงความในรอบคัดเลือกรอบแรกได้

แอดมิน : แล้วภาษาอังกฤษนี่ปริ้นซ์เตรียมตัวอย่างไรครับ? เพราะสอบเข้ารอบได้ขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

     ปริ้นซ์ :  เด็กไทยหลายคนที่ผมรู้จักที่เก่งภาษาอังกฤษส่วนมากแล้วจะเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปต่างประเทศ หรือว่าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ในหลักสูตรภาษาอังกฤษ แต่สำหรับผมด้วยฐานะทางบ้านแล้ว ผมไม่มีโอกาสแบบคนเหล่านั้น ผมจึงต้องขวนขวายด้วยตัวเอง เช่น การฟังเพลง ก็คือฟังเนื้อเพลง ไม่ใช่ฟังฝรั่งคร่ำครวญแล้วไม่ได้รู้ประโยคหรือความหมายของมัน การดูหนัง ถ้าเราจะเสียเวลาซัก 2-3 ชั่วโมงแล้ว เราก็พยายามทำให้มันมีประโยชน์ที่สุด โดยการพยายามจัดประโยคคำพูดของตัวละคร และโชคดีที่ว่าผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผมจึงพยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วย

แอดมิน : ปริ้นซ์ทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษว่างั้นเถอะ?

-   ปริ้นซ์ : ใช่ครับ

แอดมิน : ตอนคัดจนถึงรอบสุดท้าย มีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?

ปริ้นซ์ : ตอนแรกคิดว่าตนเองไม่ติดด้วยซ้ำ เพราะว่าเพื่อนที่ค่ายทุกคนล้วนมีความสามารถมากๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังงงเลยครับว่าเราติดได้ไง ฮ่าๆๆ

" เพราะเราอยู่แต่ในรั้วโรงเรียน เราเลยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว 
ความสามารถของพวกเราก็เทียบเท่ากับบุคคลภายนอก "

ถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมโครงการจากมหาวิทยาลัยอื่น

แอดมิน : ไปโดฮาครั้งนี้ ได้ไปทำไรบ้างครับ? ไปกี่วัน?

-   ปริ้นซ์ : ก็ไปร่วมประชุมอย่างที่ได้บอกไปแหละครับ ไปตั้งแต่ 6 – 20 เมษา 58 มันทำให้ผมรู้ว่าในเวทีระดับโลก ผู้ใหญ่เขาให้ความสำคัญ กับความคิดของเยาวชน ไม่เหมือนกับในสังคมเราที่บางครั้งยังยึดมั่นในความคิดแบบเก่าๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องใช้ความคิดเห็นจากหลายๆมุมมอง ในการประชุม โดฮา Youth Forum เลขาธิการ นาย บัน คีมุน เป็นคนมารับ ความคิดเห็นของเยาวชนด้วยมือของเขาเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ คือ การตระหนักถึงความสำคัญของหลักนิติธรรมซึ่งในบ้านเรานี้เหมือนยังไม่ให้ความสำคัญมากเท่าที่ควร ก็รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายที่จะต้องส่งเสริมหลักนิติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่



แอดมิน : แล้วได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ไหนมาบ้างครับ?

ปริ้นซ์ จริงๆแล้วส่วนมากก็ไม่ค่อยได้เที่ยวหรอกครับ เข้าประชุมอยู่ตลอด 2 อาทิตย์ แต่ที่โดฮาชอบทะเลทรายของที่กาตามากครับ ได้เจออูฐด้วย กลับมาจากที่นั่น 2 สัปดาห์ก็ได้ข่าว "ไวรัสเมอ์ส" ระบาดจากอูฐพอดีเลย ฮ่าๆ 

อดมิน : หลังจากไปประชุมมาได้รับหลักแนวคิดอะไรมาบ้างครับ?

-   ปริ้นซ์ : แนวคิดเกี่ยวกับหลักนิติธรรมเปลี่ยนไปมากครับ ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าคำว่าหลักนิติธรรมสำคัญมาก เพราะสามารถส่งผลต่อสังคมของเราได้และยิ่งผมซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ก็เหมือนเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ทำงานในเครื่องจักรแห่งกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราสามารถทำให้ฟันเฟืองทุกตัวหมุนไปในทางเดียวกันก็ย่อมทำให้เครื่องจักนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อดมิน : แล้วได้วางแนวทางให้รุ่นน้อง นรต. ได้ไปต่างประเทศแบบนี้บ้างไหมครับ

-   ปริ้นซ์ : โชคดีที่ผมได้เป็น ผู้ช่วย ผบ.มว.ร้อย 1 จึงมีโอกาสได้พบปะกับน้องๆมากเป็นพิเศษ อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงถึงขั้นต้องไปต่างประเทศครับ เพียงแค่ต้องการชี้นำให้น้องได้พัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษและหลักนิติธรรม ส่วนเรื่องไปต่างประเทศนั้นเป็นของแถมครับ

อดมิน :อยากให้โรงเรียนสนับสนุนหรือผลักดันโครงการแบบนี้อย่างไรบ้างครับ

-   ปริ้นซ์ : อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน เพราะโครงการแบบนี้มีบ่อยมาก แต่นักเรียนเราแทบไม่รู้เรื่องโลกภายนอกเลย นักเรียนนายร้อยตำรวจของเราที่มีความสามารถทั้งด้านนี้และในด้านอื่นๆยังมีอีกเยอะมาก คือนักเรียนมีคุณภาพแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือการแจ้งกิจกรรมภายนอกโรงเรียนเท่าใดนัก ผมอยากให้บุคคลภายนอกได้เห็นว่านักเรียนนายร้อยตำรวจอย่างเราเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถไม่น้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดเลยคือ ผมอยากเห็นน้องๆรุ่นต่อไป พัฒนาเป็นบุคลลากรที่มากความสามารถครับ!  
           
    อดมิน : อยากฝากอะไรถึงน้องๆและท่านผู้อ่านบ้างไหมครับ

ปริ้นซ์ : เราอยู่ในยุคที่บุคคลภายนอกเขาไม่ได้มีความสามารถเพียงด้านเดียวแล้วครับ จริงอยู่ว่าพวกเราคือตำรวจ แต่ตำรวจก็ยังมีอีกมากมายหลายสาขาที่ต่อไปเราอาจจะต้องเข้าไปทำงาน พวกเราไม่ควรหยุดหาความรู้ หรือหาประสบการณ์เพราะว่า...

การที่เราหยุดอยู่กับที่ ในขณะที่คนอื่นกำลังก้าวเดินต่อไป
ก็ไม่ต่างอะไรกับเราเดินถอยหลังครับ "















สนทยา 52
ผู้สัมภาษณ์/เรียบเรียง/เผยแพร่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น