วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กอน.สายครูอาจารย์ เข้าพิธีรับชุดเล็กและถวายคำสัตย์ปฏิญาณ

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 นักเรียนอบรมหลักสูตร กอน.สายครูอาจารย์ เข้ารับพิธีสวมเครื่องแบบปกติเสื้อเชิ้ตคอพับแขนยาวสีกากีมีผ้าผูกคอ (ชุดเล็ก) และถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพล.ต.ต.ถนอม มะลิทอง ผู้บังคับการปกครอง โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นประธานในพิธี ซึ่งได้ให้โอวาทและแนวคิดในการปฎิบัติตนแก่นักเรียนอบรมหลักสูตร กอน. สายครูอาจาร์นี้ด้วย





           

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รับชุดเล็กนักเรียนอบรม...อีกก้าวเล็กๆสู่นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร!


             เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2558 ได้มีกิจกรรมเสริมสร้างความภาคภูมิใจในการแต่งเครื่องแบบปกติเสื้อเชิ้ตคอพับกากีแขนยาวมีผ้าผูกคอ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า "ชุดเล็ก" ให้แก่ นักเรียนอบรม หลักสูตร การฝึกอบรมช้าราชการตำรวจชั้นประทวน ผู้ซึ่งมีวุฒิการศึกษาปริญญาโท เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตร หรือย่อสั้นๆว่า กอน. สายครูอาจารย์ โดยหลักสูตรนักเรียนอบรมนี้อยู่ภายใต้การฝึกอบรมของฝ่ายปกครอง 2 หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า กองร้อยที่ 5 

พ.ต.อ.วิกรานต์ รามโกมุท ผกก.ฝ่ายปกครอง 2 กล่าวเปิดกิจกรรมเสริมสร้างความภาคภูมิใจ

         โดยปกติแล้วนักเรียนอบรมหลักสูตร กอน. จะไม่มีการรับชุดเล็กเนื่องจากว่าการฝึกมักจะฝึกเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น แต่หลักสูตรนี้มีความยาวนานเกือบถึง 6 เดือน ทางฝ่ายกครอง 2 จึงใช้วิธีการฝึกแบบเดียวกันกับนักเรียนอบรมหลักสูตร กอส. ที่ใช้การจำลองรูปแบบการฝึกของนรต. ทั้ง 4 ปี




         โดยการปลูกฝังนั้นมีความมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ตัวนักเรียน และตระหนักถึงภาระหน้าที่ภายใต้เครื่องแบบที่สวมใส่ รวมทั้งปลูกฝังข้อคิดเพื่อให้รู้ประวัติศาสตร์ของเครื่องแบบ




        กิจกรรมครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 20.30 น. จนถึง 22.30 น. กิจกกรมนี้นั้นไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความเหนื่อยกายแต่เน้นในการให้ความรู้และปลูกฝังความคิดสิ่งที่ดีและความภาคภูมิใจให้แก่นักเรียนอบรมทุกนายเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฎิบัติตัวในอาชีพตำรวจในวันข้างหน้า


"....สีกากี คือสีแห่งดิน การที่ข้าราชการตำรวจต้องใส่ชุดสีกากีนั้น
เป็นกุศโลบายเพื่อให้เราทำตัวติดดิน คอยรับฟังและแก้ไขปัญหาของประชาชน..."
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.กฤษฏิ์ หอมขจร


" ก่อนจะเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชาเสียก่อน "
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.นวภัทร ไฝเครือ



" นักเรียนเหนื่อยกายได้แต่อย่าเหนื่อยใจ...
ต้องเปลี่ยนแปลงความความคิดในเชิงลบให้เป็นพลังในเชิงบวกให้ได้! "
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.อนุชา แก้วก่ำ 


"...การแต่งเครื่องแบบตำรวจเป็นเครื่องเตือนสติแก่ข้าราชการตำรวจที่จะรักษาวินัยความประพฤติ
การที่เราแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบ
ย่อมแสดงให้เห็นว่าตัวเรานั้นตำรวจผู้นั้นมีระเบียบวินัย..."
ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.หญิง กนกวรรณ พูลสมบัติ


"...แสงจากเปลวเทียน หลายครั้งที่มันถูกลมพัดหรี่ลง เสียจนเหมือนกับว่ามันจะดับลงในไม่ช้า...
แต่มันก็กลับมาลุกโชนอีกครั้งเมื่อสายลมได้ผ่านไป
...ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน...
วันใดที่เราเหนื่อย เราท้อแท้ ขอให้พวกเราจดจำวันนี้ไว้ว่าอีกไม่นานเมื่ออุปสรรคได้ผ่านพ้นไป
เราก็จะกลับมาเป็นเปลวเทียนที่ลุกโชนและส่องสว่างอีกครั้งหนึ่ง..."

ผู้ช่วย ผบ.มว. นรต.ธรณ์ธันย์ ลอยประเสริฐ 

         แนวคิดการปลูกฝังนี้มีความหวังเพื่อให้ใช้เป็นเครื่องเตือนสติเมื่อจบไปเป็นนายตำรวจ ให้พึงระลึกเสมอทุกครั้งที่ต้องแต่งเครื่องแบบทำหน้าที่ว่าตำรวจเรามีหน้าที่อย่างไรควรที่จะปฎิบัติตัวเช่นไร ในวันนี้อาจเป็นเพียงก้าวเล็กๆสู่นายตำรจชั้นสัญญาบัตร แต่จะเป็นก้าวที่สำคัญที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็จะไม่ลืมสิ่งที่ปลูกฝัง คำสอนต่างๆ ที่ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดและนายตำรวจฝ่ายปกครอง 2 ทุกท่าน ตั้งใจให้นักเรียนอบรมทุกคนจบไปเป็นนายตำรวจที่ดี.



สนทยา 52



วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานราตรีปีนี้มีอะไร? โดนเชิญมางานแล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรดี??

ใกล้เข้ามาแล้วนะครับสำหรับงานราตรีสามพรานแดนดาว ซึ่งคอนเซปในปีนี้มีชื่อว่า

"แดนดาววิมาน สามพรานภิรมย์"

เป็นงานคอนเซปรูปแบบไทยๆ ซึ่งทางคณะกรรมการรุ่นของทางโรงเรียนได้ดำเนินงานจัดฉากสุดอลังการงานสร้างอย่างเต็มที่ เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติ ญาติ(แฟน) ทั้งหลาย ได้ถ่ายรูปกันให้เมมเต็มกล้องกันไปเลย!

สำหรับภายในงานนี้จัดขึ้นเพื่อน้องนรต.รุ่นที่ 72 เป็นหลัก ดังนั้นจึงจะมีคลิปให้ติดตามชมกันด้วย และไฮไลท์ของงานสำหรับแฟนๆ ดั่งฝันฉันใด - สามพรานแดนดาว " ที่จะพลาดไปไม่ได้เลย ภายในงานเป็นหนังสั้นฉบับเต็ม ที่พี่นรต.รุ่นที่ 69 ได้จัดทำขึ้น


Teaser ดั่งฝันฉันใด - สามพรานแดนดาว

แค่ดูตัวอย่างก็อยากดูกันแล้วใช่ไหมละครับ งั้นจัดแถมโปสเตอร์หนังสั้นไปอีกอัน อิอิ



ถูกเชิญมางานแล้วทำอย่างไรดี ฉันไม่ชัวร์กับเขาคนนี้จะปฎิเสธเขาดีไหมนะ?

ก่อนอื่นเลยคือหายใจเข้าลึกๆครับ การถูกเชิญมางานนี้ไม่จำเป็นว่าทุกคนจำเป็นต้องเป็นแฟนเสมอไป แต่คนที่ถูกเชิญมางานนี้คือผู้ที่มีเกียรติและเป็นคนที่นรต.ผู้เชิญเป็นผู้ที่ให้ความพิเศษกับเรา ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน พี่-น้อง หรือแฟน อย่าพยายามไปปฎิเสธเขาครับ เพราะจริงๆแล้วมางานนี้ก็เหมือนพามาเที่ยว กินขนม เล่นเกม ทำกิจกรรมร่วมกันนั่นแหละ(อย่าคิดลึก)

คุณไม่รู้หรอกว่านรต.บางคน รวบรวมความกล้าแค่ไหน
ที่จะเชิญคนสำคัญของเขา
ไปในวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิต
แต่คุณกลับปฎิเสธเขาไป...

งานราตรีนะครับไม่ใช่งานแต่งงาน ขอแค่ไปร่วมงานและมีความรู้สึกดีๆต่อกันก็พอแล้วครับ :)

 ชุดไทยแต่งตัวอย่างไรดี?

เนื่องจากปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆทีมีธีมงานที่ค่อนข้างแหวกแนวมากคือเน้นไทยประยุกต์ จึงเกิดข้อกังขาให้แก่บรรดาผู้ที่จะมาร่วมงานมากว่าฉันควรใส่อย่างไรดี เพราะเห็นโปสเตอร์หนังสั้น ชุดมันไม่สวยและดูโบราณมากกกก

ไทยประยุกต์นั้นมีอยู่หลายรูปแบบครับ ดังนั้นแล้วผู้เขียนจึงจะขอเสนอชุดที่เป็นแนวทางแก่สาวๆผู้ที่จะมาทั้งหลาย ใส่แล้วไม่หลุดธีม แถมเก๋สุดๆ ดังต่อไปนี้ครับ

 

 

จะเห็นได้ว่าชุดไทยนั้นมีหลายหลายมากครับ สำหรับสาวๆท่านใด กำลังกังวลก็อาจจะให้ตัวช่วยเพิ่มเติมคือ อากู๋ Google แล้วพิมพ์ "ชุดไทยประยุกต์" ก็น่าจะช่วยได้นะครับ

และในปีนี้บอกเลยว่าใครสวยที่สุดในงาน หรือชุดมีความโดดเด่น เตรียมรับของรางวัลสุดพิเศษที่สนับสนุนโดยคุณ ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า "ยูร่า" มูลค่าเกือบ 2,000 บาท!  (ขอบพระคุณ คุณตั๊กมากครับ งานนี้ไม่สวยไม่ได้แล้วนะคะสาวๆ *-*)


สำหรับชุดผู้ชายญาติ นรต.หญิง อาจจะไม่สันทัดเรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่ ถ้าจะให้ผมแนะนำ ก็อาจจะดูตัวอย่างจาก สุภาพบุรุษจุฑาเทพก็ได้ครับ






สำหรับใครที่คิดว่าชุดสูทแพงหายาก ก็อาจจะเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค รองเท้าคัทชูก็ได้ครับ พับแขนหรือแต่งกายให้ดูดีหน่อยก็เท่แล้ว!

อยากใส่ชุดราตรีอื่นที่ไม่เข้ากับธีมงานได้ไหม?

คำตอบก็คือ "ได้ครับ" ถึงจะใส่ชุดราตรียุโรปยาวลากดินมาก็คงไม่มีใครห้ามไม่ให้เข้างานหรอกครับ(ฮา) แต่แค่ว่ามันจะไม่เข้ากับธีมงานที่จัดมาให้แล้วนั่นเอง (คือจะดูแปลกๆสำหรับงานว่างั้นเถอะ = =")

นรต.จะมารับมาส่งอย่างไร?

ในวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. นั้น นรต.จะได้รับการปล่อยให้ออกไปรับญาติได้ครับ โดยจะมีการนัดหมายกันอีกครั้งในแต่ละชั้นปี โดยในปีนี้จะมีรถรับส่งที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งขอสงวนสิทธิ์ให้กับนรต.และญาติที่มาร่วมงานเท่านั้นครับ สำหรับใครที่มีรถส่วนตัวสามารถนำรถมารับมาจอดได้ภายในบริเวณลานศรียานนท์ได้เลยครับ

อยากฟื้นความหลังจังมาได้ไหม?

ทางเรายินดีให้นรต.รุ่นพี่ๆที่จบไปแล้วสามารถมาหวนระลึกความหลังกับแฟนได้ครับ แต่ว่าอย่าลืมอุดหนุนร้านอาหาร และกิจกรรมเกมของน้อง ๆ ด้วยนะครับ *-*

ย้ำอีกครั้งราตรีสามพรานปีนี้

วันที่ 13 พ.ย. 58


แล้วพบกันนะครับ! :)
สนทยา 52







วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนังสั้นดีเว่อร์ "โคกขาม ไฟท์ติ้ง" ดูแล้วฮาน้ำตาเล็ด! โดยทีมพากย์จากพันธมิตร!!

          อีกหนึ่งหนังสั้นดีๆจาก สภ.โคกขาม ที่สร้างขึ้นเพิ่อเสริมความรักสามัคคีของตำรวจและประชาชน ต้องขอชมว่ามุมกล้องดีมาก ยิ่งเสียงพากย์จากทีมพากย์พันธมิตรที่ดูแล้วฮาน้ำตาเล็ด และสุดท้ายต้องขอชมสภ.โคกขามและประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการแสดงครั้งนี้ครับ :)




ภาพยนตร์ โดย Parallax Film Studio
ขอบคุณคลิปจาก: Parallax Film studio

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

รู้หรือไม่?...รร.นายร้อยตำรวจเคยถวายสัตย์ปฏิญาณตนและ­สวนสนามผ่านหน้าพระพักตร์มาแล้ว!

      เราอาจจะเคยเห็นเป็นปกติสำหรับพิธีสวนสนามราชวัลลภของทหารที่มีการถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามผ่านหน้าพระพักตร์ในวันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี หลายๆท่านอาจจะเคยสงสัยว่าแล้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจเคยได้รับเกียรตินี้ดังเช่นทหารหรือไม่? วันนี้แอดมินจึงไปหาคำตอบมาให้ทุกท่านได้ทราบว่า

โรงเรียนนายร้อยตำรวจเคยถวายสัตย์ปฏิญาณตนและ­สวนสนามผ่านหน้าพระพักตร์มาแล้ว!

          โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนา เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและ­สวนสนาม ในโอกาสครบ 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ.2545 ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ


ขอขอบพระคุณวิดีโอจาก Sakyawich Janseeharach หรือ ผู้บังคับกองร้อยที่ 4 ครับ

         ภายในงานวันนั้นถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุดของผู้ที่ทำหน้าที่สวนสนามทุกคนซึ่งมีทั้งนักเรียนนายร้อยตำรวจและข้าราชการตำรวจร่วมอยู่ด้วย โดยความสวยงามและความพร้อมเพรียงของขบวนสวนสนามจากวิดีโอนั้นไม่มีที่ติ อันเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ อันเป็นอีกวันหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของตำรวจไทยที่จะถูกจารึกไว้ไปตลอดกาล.




วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อึ้งทั้งโรงเรียน! เมื่อนรต.เป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปประชุมระดับชาติ!!


        ใครจะไปเชื่อกันละครับว่า นักเรียนนายร้อยตำรวจของเราจะสามารถเป็นตัวแทนของประเทศไทย ไปร่วมประชุมถึงต่างประเทศ! ตอนได้ยินครั้งแรกแอดมินนี่อึ้งไปเลยครับ กับความสามารถของเพื่อนแอดมินคนนี้ แอดมินจึงได้ทำการสัมภาษณ์ให้ผู้อ่านได้มาทำความรู้จักกับเพื่อนคนเก่งของแอดมินคนนี้ว่าเขาได้ไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไมถึงได้ไปไกลถึงขั้นเป็นตัวแทนของประเทศไทย เชิญอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยครับ!

แอดมิน : สวัสดีครับปริ้นซ์ รบกวนแนะนำตัวให้ผู้อ่านรู้จักหน่อยครับ

ปริ้นซ์ : สวัสดีครับ กระผม นรต.ธติยฤกษ์ ไชยศิลป์ ชื่อเล่นชื่อปริ้นซ์ อายุ 23 ปีครับ ปัจจุบัน เรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 เป็น นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 และเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดกองร้อยที่ 1 ครับ

แอดมิน : ก็ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ปริ้นซ์ไปเป็นตัวแทนของเยาวชนไทยในโครงการอะไรครับ?

ปริ้นซ์ : โครงการที่ผมไปมีชื่อโครงการว่า "โครงการทูตเยาวชนนิติธรรม"
จุดประสงค์ของโครงการ คือ คัดเลือกผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมประชุมเยาวชนแห่งกาตาร์ (
Qatar) และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์

สำนักข่าวไทยรัฐ ทำการสัมภาษณ์ตัวแทนเยาวชนไทย "โครงการทูตเยาวชนนิติธรรม"

แอดมิน : มีความคิดอย่างไรถึงได้สมัครโครงการนี้ครับ?

ปริ้นซ์ :  ต้องการเปิดโลก เนื่องจากเราเป็นตำรวจ การทำงานของตำรวจต้องติดต่อประสานงานกับผู้คน และในอนาคตในยุคสมัยโลกาภิวัฒน์ เรายิ่งต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่มากที่สุด โดยเฉพาะจากสถานที่ต่างๆ และจากแนวคิดของผู้คนจากหลายๆเชื้อชาติ

แอดมิน : ตอบมาอย่างสวยหรู คราวนี้ขอคำตอบแบบไม่มีสาระครับ

     ปริ้นซ์ :  เห็นคำว่า โดฮา ก็เลยอยากไปเมืองนอกครับ ฮ่าๆ

แอดมิน :  ฮ่าๆ แล้วตอนแรกปริ้นซ์คิดไหมครับว่า ร.ร. จะสนับสนุนอย่างไรบ้าง

ปริ้นซ์ : โรงเรียนเรา มีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเฉพาะตัว การที่เราได้รับโอกาสนี้คิดว่ายาก เนื่องจากขัดต่อภารกิจหลักของโรงเรียน ผมเลยคิดว่าเราต้องทำให้โรงเรียนเห็นก่อนว่าเรามีความสามารถจริงๆ เพื่อที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่าเรามีความตั้งใจที่จะไปจริง

แอดมิน : แล้วมีการสอบคัดเลือกอย่างไรบ้าง?

     ปริ้นซ์ :  การสอบคัดเลือกแบ่งเป็น สาม รอบ ครับ
-รอบแรก วัดความรู้ความสามารถทั่วไป คือการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ
-รอบสอง คือการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
-รอบสาม คือเข้าค่ายเสริมสร้างความรู้

แอดมิน : โอ้โห! กว่าจะผ่านแต่ละรอบมาได้ยากพอควรเลยนะครับ!! แล้วปริ้นซ์เตรียมตัวนานไหมกับการต้องไปสอบคัดเลือก?

     ปริ้นซ์ : เตรียมตัวตั้งแต่รู้เรื่อง คือประมาณ 1 เดือนก่อนปิดรับสมัคร ช่วงนั้นก็พยายามหาความรู้เกี่ยวกับหลักนิติธรรม และโชคดีที่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไปฝึกงานภูธรพอดีทำให้ผมมีประสบการณ์ในการเขียนเรียงความในรอบคัดเลือกรอบแรกได้

แอดมิน : แล้วภาษาอังกฤษนี่ปริ้นซ์เตรียมตัวอย่างไรครับ? เพราะสอบเข้ารอบได้ขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

     ปริ้นซ์ :  เด็กไทยหลายคนที่ผมรู้จักที่เก่งภาษาอังกฤษส่วนมากแล้วจะเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปต่างประเทศ หรือว่าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ในหลักสูตรภาษาอังกฤษ แต่สำหรับผมด้วยฐานะทางบ้านแล้ว ผมไม่มีโอกาสแบบคนเหล่านั้น ผมจึงต้องขวนขวายด้วยตัวเอง เช่น การฟังเพลง ก็คือฟังเนื้อเพลง ไม่ใช่ฟังฝรั่งคร่ำครวญแล้วไม่ได้รู้ประโยคหรือความหมายของมัน การดูหนัง ถ้าเราจะเสียเวลาซัก 2-3 ชั่วโมงแล้ว เราก็พยายามทำให้มันมีประโยชน์ที่สุด โดยการพยายามจัดประโยคคำพูดของตัวละคร และโชคดีที่ว่าผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผมจึงพยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วย

แอดมิน : ปริ้นซ์ทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษว่างั้นเถอะ?

-   ปริ้นซ์ : ใช่ครับ

แอดมิน : ตอนคัดจนถึงรอบสุดท้าย มีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?

ปริ้นซ์ : ตอนแรกคิดว่าตนเองไม่ติดด้วยซ้ำ เพราะว่าเพื่อนที่ค่ายทุกคนล้วนมีความสามารถมากๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังงงเลยครับว่าเราติดได้ไง ฮ่าๆๆ

" เพราะเราอยู่แต่ในรั้วโรงเรียน เราเลยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว 
ความสามารถของพวกเราก็เทียบเท่ากับบุคคลภายนอก "

ถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมโครงการจากมหาวิทยาลัยอื่น

แอดมิน : ไปโดฮาครั้งนี้ ได้ไปทำไรบ้างครับ? ไปกี่วัน?

-   ปริ้นซ์ : ก็ไปร่วมประชุมอย่างที่ได้บอกไปแหละครับ ไปตั้งแต่ 6 – 20 เมษา 58 มันทำให้ผมรู้ว่าในเวทีระดับโลก ผู้ใหญ่เขาให้ความสำคัญ กับความคิดของเยาวชน ไม่เหมือนกับในสังคมเราที่บางครั้งยังยึดมั่นในความคิดแบบเก่าๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องใช้ความคิดเห็นจากหลายๆมุมมอง ในการประชุม โดฮา Youth Forum เลขาธิการ นาย บัน คีมุน เป็นคนมารับ ความคิดเห็นของเยาวชนด้วยมือของเขาเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ คือ การตระหนักถึงความสำคัญของหลักนิติธรรมซึ่งในบ้านเรานี้เหมือนยังไม่ให้ความสำคัญมากเท่าที่ควร ก็รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายที่จะต้องส่งเสริมหลักนิติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่



แอดมิน : แล้วได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ไหนมาบ้างครับ?

ปริ้นซ์ จริงๆแล้วส่วนมากก็ไม่ค่อยได้เที่ยวหรอกครับ เข้าประชุมอยู่ตลอด 2 อาทิตย์ แต่ที่โดฮาชอบทะเลทรายของที่กาตามากครับ ได้เจออูฐด้วย กลับมาจากที่นั่น 2 สัปดาห์ก็ได้ข่าว "ไวรัสเมอ์ส" ระบาดจากอูฐพอดีเลย ฮ่าๆ 

อดมิน : หลังจากไปประชุมมาได้รับหลักแนวคิดอะไรมาบ้างครับ?

-   ปริ้นซ์ : แนวคิดเกี่ยวกับหลักนิติธรรมเปลี่ยนไปมากครับ ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าคำว่าหลักนิติธรรมสำคัญมาก เพราะสามารถส่งผลต่อสังคมของเราได้และยิ่งผมซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ก็เหมือนเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ทำงานในเครื่องจักรแห่งกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราสามารถทำให้ฟันเฟืองทุกตัวหมุนไปในทางเดียวกันก็ย่อมทำให้เครื่องจักนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อดมิน : แล้วได้วางแนวทางให้รุ่นน้อง นรต. ได้ไปต่างประเทศแบบนี้บ้างไหมครับ

-   ปริ้นซ์ : โชคดีที่ผมได้เป็น ผู้ช่วย ผบ.มว.ร้อย 1 จึงมีโอกาสได้พบปะกับน้องๆมากเป็นพิเศษ อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงถึงขั้นต้องไปต่างประเทศครับ เพียงแค่ต้องการชี้นำให้น้องได้พัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษและหลักนิติธรรม ส่วนเรื่องไปต่างประเทศนั้นเป็นของแถมครับ

อดมิน :อยากให้โรงเรียนสนับสนุนหรือผลักดันโครงการแบบนี้อย่างไรบ้างครับ

-   ปริ้นซ์ : อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน เพราะโครงการแบบนี้มีบ่อยมาก แต่นักเรียนเราแทบไม่รู้เรื่องโลกภายนอกเลย นักเรียนนายร้อยตำรวจของเราที่มีความสามารถทั้งด้านนี้และในด้านอื่นๆยังมีอีกเยอะมาก คือนักเรียนมีคุณภาพแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือการแจ้งกิจกรรมภายนอกโรงเรียนเท่าใดนัก ผมอยากให้บุคคลภายนอกได้เห็นว่านักเรียนนายร้อยตำรวจอย่างเราเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถไม่น้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดเลยคือ ผมอยากเห็นน้องๆรุ่นต่อไป พัฒนาเป็นบุคลลากรที่มากความสามารถครับ!  
           
    อดมิน : อยากฝากอะไรถึงน้องๆและท่านผู้อ่านบ้างไหมครับ

ปริ้นซ์ : เราอยู่ในยุคที่บุคคลภายนอกเขาไม่ได้มีความสามารถเพียงด้านเดียวแล้วครับ จริงอยู่ว่าพวกเราคือตำรวจ แต่ตำรวจก็ยังมีอีกมากมายหลายสาขาที่ต่อไปเราอาจจะต้องเข้าไปทำงาน พวกเราไม่ควรหยุดหาความรู้ หรือหาประสบการณ์เพราะว่า...

การที่เราหยุดอยู่กับที่ ในขณะที่คนอื่นกำลังก้าวเดินต่อไป
ก็ไม่ต่างอะไรกับเราเดินถอยหลังครับ "















สนทยา 52
ผู้สัมภาษณ์/เรียบเรียง/เผยแพร่

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประโยคเด็ด #จบข่าว การบรรยายพิเศษจากท่าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว!


       เนื่องในวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ทาง รร.นายร้อยตำรวจได้รับเกียรติจากท่าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มาบรรยายให้กับ นรต.ชั้นปีที่ 4 ในหัวข้อ "การเตรียมพร้อมของ นรต. ก่อนออกไปปฎิบัติราชการ"

       โดยทั้งนี้ทางผู้เขียนได้คัดมาแต่ประโยคเด็ด อันเป็นข้อคิดดีๆที่อาจทำให้ใครหลายคนนำไปปฎิบัติใช้ในชีวิตกันครับ!

-คนเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อยู่ 2 เรื่อง
        1. การได้รับการศึกษา
        2. ครอบครัว

-ผมแบ่งคนออกเป็น 4 ประเภท
       1. คิดได้ พูดไม่ได้ ทำไม่ได้  >> นักคิด
       2. คิดได้ พูดได้      ทำไม่ได้  >> นักวิชาการ
       3. คิดได้ พูดไม่ได้  ทำได้      >> นักรบ
       4. คิดได้ พูดได้       ทำได้     >> นักบริหารที่มีความสามารถ
นรต.ทุกนายต้องเป็นนักบริหารที่มีความสามารถ!

- "ที่ผมทำงานได้ดีเพราะผมไม่เคยทิ้งตำรา".

- "การบริหารเวลาโดยใช้หลักการของ นรต. คือการจัดตารางเวลา
   1.สิ่งที่เตรียมง่ายที่สุดคือเครื่องแบบ
2.เซ็นแฟ้มที่ค้างให้หมด
   3.List รายการว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง
ทุกอย่างนี้ ผมทำด้วยตนเอง ก่อนเข้านอน"

- "ทุกอย่าง เริ่มที่ใจ ไปที่ไหนอย่ากลัวความลำบาก"

- "คนเรามีเวลาเท่ากัน แต่ผู้ที่ทำงานได้มากกว่า ชนะ"


-"ลำดับความเร่งด่วน ว่าสิ่งใดควรทำก่อน"

- คนเราควรใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ใช่ว่า
"รายได้ต่ำ รสนิยมสูง รัศมีการเที่ยวไกล"

"เวลา" จะช่วยให้เราแก้ปัญหาได้ สิ่งสำคัญคือ "สภาพจิตใจ"

"บิดามารดา โรงเรียน ถิ่นกำเนิด คือสิ่งที่ต้องตอบแทน"

-"ไม้ข้ามได้ แต่อย่าข้ามคน"

-"อย่ามองข้ามผู้ที่ด้อยกว่าเรา"

"เอาชนะทุกอย่างด้วยความเพียร"

และอย่างสุดท้ายที่ผมชอบที่สุดเลยก็คือ...



ขอบพระคุณ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ไม่ลืมสถาบันแห่งนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องๆท่านไม่ลืมนรต.ทุกนาย
ที่กำลังจะก้าวไปเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรในวันข้างหน้า
ขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ยังไม่ลืมพวกเราครับ :)

                                                                                                        สนทยา 52
                                                                                                        ผู้เขียน/เรียบเรียง

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

เจริญพร รินทะระ "มนุษย์กบ" ตัวเป็นๆ ที่ยังเดินเล่นอยู่ในโรงเรียน!



สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับบทความนี้เป็นบทความที่ทรงคุณค่าอีกบทความหนึ่งเลยนะครับ เพราะเราจะได้มาสัมภาษณ์และทำความรู้จักกับ "มนุษย์กบ" หรือ ผู้ที่ผ่านการฝึกหลักสูตร "S.E.A.L." นักทำลายใต้น้ำจู่โจม ที่เป็นหลักสูตรที่กล่าวกันว่าฝึกหนักที่สุด! และมีโอกาสที่จะเสียชีวิตระหว่างการฝึกได้เสมอ โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้คงจะเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เพราะว่าคงไม่มีมนุษย์กบคนไหนอีกแล้ว ที่จะสามารถฝึกซีลจบแล้วเข้ามาเรียนต่อกับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ถือเป็นความโชคดีของทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่มีบุคคลากรที่มีคุณภาพ ได้เข้ามารับการฝึกอบรมที่นี่ โดยยังมีเครื่องหมายและความรู้ของนักทำลายใต้น้ำจู่โจมนี้อยู่! มนุษย์กบคนนี้คือใคร? ผ่านสิ่งที่ยากลำบากที่สุดมาได้อย่างไร? ฆ่าคนด้วยมือเปล่าได้หรือไม่? เชิญมาทำความรู้จักกับเขาได้เลยครับ!

แอดมิน : สวัสดีครับ ขออนุญาตให้ช่วยแนะนำตัวหน่อยครับ

พี่เณร : นรต.เจริญพร  รินทะระ  นรต. รุ่นที่ 69 เกิด 2 พ.ค. 2531 อายุ 27  ปี ชื่อเล่น ชื่อเณร เกิด จ. นครพนม  จบจาก รร.ชุมพลทหารเรือ ครับ
แอดมิน : ตอนนี้พี่ทำหน้าที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาด้วยใช่ไหมครับ พี่เณร : ใช่ครับ พี่เป็น ผู้ช่วยผู้บังคับหมวด กองร้อยที่ 2 ควบคุมดูแลเรื่องการฝึกของนักเรียนชั้นปีที่ 2 เพื่อเตรียมร่างกายไปฝึกหลักสูตรกระโดร่ม แอดมิน : ผมว่าน้องได้จบกบก่อนจบร่มแน่เลยครับพี่ ฮ่าๆ พี่เณร : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพราะยังขาดเรือยางกับซุง...
แอดมิน : พี่เณรโหดร้ายกับน้องอีกแล้วครับ...ขอเข้าคำถามหลักเลยนะครับพี่เณร ทำไมพี่ถึงต้องไปฝึกซีล?


พี่เณร : ตอนที่เรียน นรจ.(นักเรียนจ่าทหารเรือ) เคยมี หน่วยซีล มาแสดงนิทรรศการอุปกรณ์ที่ใช้ในหน่วย มีการโดดร่มโชว์ด้วย เห็นแล้วรู้สึกเท่มาก และก็มีพี่ชายที่คอยให้คำแนะนำในการฝึก
แต่เหตุผลหลักคืออยากรู้ อยากลอง ว่าจะฝึกหนักแค่ไหน เคยดูคลิปวิดีโอการฝึกตอนวัน ฟรีเดย์ของ นรจ. มันเกิดคำถามในใจว่าถ้าฝึกหนักจริง แล้วทำไมถึงยังมีคนฝึกหลักสูตรนี้จนจบ? พี่เลยต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ!
แอดมิน : แล้วการฝึกของซีลเป็นอย่างไรบ้างครับ ใช้ระยะเวลากี่เดือน?
พี่เณร : ขอสรุปแบบคร่าวๆ นะครับ ถ้าอยากรู้แบบละเอียดหาดูได้ตามเว็ปทั่วไปแต่ต้องใช้วิจารณญานหน่อยเพราะบางทีก็เห็นเขียนมั่วๆเอาภาพของหลักสูตรอื่นมาผสมปนกันหมด
การฝึกใช้เวลา 7 เดือนกว่า
- เดือนแรก เป็นช่วนพรีเทนนิ่งขั้นเตรียมร่างกายแต่ละวันจะฝึก วิ่ง P.T. และ ว่ายน้ำ (P.T. = Physical Training) เดือนแรกนี้จะยังไม่เป็นนักเรียนนักทำลายใต้น้ำเต็มตัว (นทต.) ยังไม่มีการจัดทีมและยังไม่ได้รหัสเป็นของตัวเอง  จะเป็นนักเรียน นทต.เต็มตัวก็ต่อเมื่อทดสอบร่างกายผ่านตามเกณฑ์เพื่อจะได้เข้าฝึกในเดือนที่2 ต่อไป ถึงมีการจัดเป็นทีมแล้วได้รหัส โดยการจัดจะเรียงจากลำดับส่วนสูง แบ่งเป็นทีมๆ ละ 8 คน
-เดือนที่2การฝึกเริ่มหนักขึ้น มีอะไรให้เล่นมากขึ้น มีซุง และเรือยางมาประกอบการฝึกเวลาพักผ่อนลดน้อยลงเรื่อยๆ. ถือได้ว่าเป็นช่วงวัดใจนักเรียนด้วย. สาเหตุที่ทำให้การฝึกหนักขึ้นเพราะเป็นการเตรียมร่างกายและจิตใจก่อนเข้าสู่สัปดาห์นรก แอดมิน : ช่วงสัปดาห์นรกเป็นยังไงบ้างครับพี่
พี่เณรคนขวาสุด ขณะเรียน รร.ชุมพลทหารเรือ
พี่เณร : สัปดาห์นรกเป็นสัปดาห์ที่ 10 จะเป็นการนำการฝึกในช่วงเดือนที่ 2 มาฝึกต่อเนื่องกันเป็นเวลา 120 ชม.โดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน สมองเบลอๆมาก เขาสั่งอะไรก็ทำตามเพื่อนๆเขาไป แอดมิน : แล้วพอพ้นหลังจากสัปดาห์นรกไปแล้วละครับ
พี่เณร : หลังจากสัปดาห์นรก......
จะเริ่มเรียนภารวิชาการควบคู่ไปกับการฝึกปฏิบัติ
เช่นการฝึกทางการรบขนาดเล็ก การเดินป่า เดินแผนที่เข็มทิศ ดำน้ำ สำรวจหาด สเก็ตซ์ภาพ การใช้อาวุธปืน วิชาวัตถุระเบิดในการทำลายสิ่งกีดขวาง ฯลฯ

-ภาคป่าเล็ก 
ฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ภาคป่าอย่างเต็มรูปแบบ  ไปคืนแรกเกือบไม่รอดเหมือนกัน ฝนตกหนักมาก น้ำท่วมเข้ามาในเต๊นท์ ฟ้าผ่าลงมาบริเวณใกล้กับที่นักเรียนกางเต๊นท์ต้องนำ นร.บางคนไปรักษาที่ รพ.  ยังโชคดีที่ตอนนั้นเข้ายามอยู่เลยไม่เป็นไร ฮ่าๆ
ภาคป่าเล็กนี้ฝึก7 วัน แต่ไม่เล็กสมชื่อเลยครับเพราะมีการฝึกรับภารกิจตลอด
- ภาคทะเล
ไปฝึกตามเกาะต่างๆ เช่น เกาะกูด เกาะช้าง เกาะเสม็ด  รวมถึงบริเวณชายทะเล   เป็นอะไรที่สุดๆมีการแบกเรือยางทน พายเรือทน (พายเรือตั้งแต่เย็นจนถึงเช้าวันต่อมา)
- ภาคป่านี่นรกของแท้ เป็นภาคสุดท้ายก่อนจบ
โหด มันส์ ฮา หนักกว่าสัปดาห์นรกหลายเท่า!
ฝึกในเขตพื้นที่ จ.ระยอง จันทบุรี ชลบุรี ที่คร่าวๆก็มีเท่านี้ครับ...



วันประดับเครื่องหมาย "นักทำลายใต้น้ำจู่โจม"
แอดมิน : นี่ขนาดคร่าวๆนะครับเนี่ย ฟังแล้วเหนื่อยเลย...แล้วตอนฝึกซีลอยู่ พี่เณรคิดอะไร รู้สึกอย่างไร ท้อแท้บ้างไหมครับ?
พี่เณร : นึกในใจพี่อยากจะลาออกตลอด เกิดคำถามในใจครั้งแล้วครั้งเล่า ว่ามาทำไมวะเนี่ย!? อยู่ที่ทำงานก็ดีอยู่แล้ว! ถ้าจบไปก็ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรแถมยังต้องเสียเงินค่าซื้ออุปกรณ์เอง!! แอดมิน : พี่ท้อขนาดนี้แล้วได้อะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจครับ?
พี่เณร : กำลังใจสำคัญของพี่ได้มาจากพ่อแม่แล้วก็พี่ชาย
พ่อ..บอกกับว่าพี่ว่า "เราเป็นลูกชาวนายังไงก็ต้องทนให้ได้"
ตอนทีพี่ไปฝึกอายุ 22 ปี อายุแทบจะน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้รู้จักเพื่อนที่เรียนนักเรียนจ่าทหารเรือที่เรียนมาด้วยกันก็หลายคน ทำให้คึกคักพอสมควร ด้วยความที่อายุยังน้อย รูปร่างก็เล็กยิ่งทำให้ต้องใช้ความพยายามและความอดทนที่มากกว่าคนอื่น
แอดมิน : แล้วพอพี่จบซีลมาแล้ว พี่ลงทำงานที่ไหนครับ?
พี่เณร : จบมาก็กลับไปอยู่หน่วยเดิมที่ กก.1 บก.รน.เป็นหน่วยสนันสนุนในการซ่อมบำรุงของกองบังคับการตำรวจน้ำ ทำงานได้ประมาณ 6 เดือนก็ทำเรื่องย้ายที่ทำงานไปที่สถานีตำรวจน้ำนครพนม เพราะอยากอยู่ใกล้บ้าน ใกล้พ่อแม่สามารถช่วยเเบ่งเบาภาระทางบ้านได้ และไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองหลวง
มีคนตั้งคำถามกับพี่หลายคำถามว่า คิดยังไงทำไมถึงไปฝึกซีล? ฝึกไปแล้วได้อะไร? ได้เงินเพิ่มไหม? ทำไมไม่นำความรู้จากการฝึกไปใช้ประโยชน์? ไม่เคยหนักใจที่จะต้องตอบคำถามเหล่านี้อยู่แล้วเพราะผมได้คำตอบ ที่เกิดจากการที่ผมตั้งคำถามไว้ก่อนฝึกหลักสูตรนี้แล้ว!!
แอดมิน : แล้วอะไรคือจุดพลิกผันที่ทำให้พี่เณรสอบเข้า รร.นรต. ครับ?
พี่เณร : จริงๆแล้วเป็นความฝันตั้งแต่ยังเด็กว่าถ้าได้เป็นนายร้อยห้อยกระบีคงจะเท่น่าดู ฮ่าๆ(หัวเราะดังมาก) เคยสอบนักเรียนเตรียมทหารตอนจบ ม.4 ตอนนั้นสอบเพียง 3 เหล่า แต่ไม่ได้สมัครสอบตำรวจเพราะไม่ชอบตำรวจ (ซะงั้น)
หลังจากจบ ม.6 ก็สอบนักเรียนจ่าทหารเรือเลือกเหล่าอิเล็กฯ เป็นตำรวจน้ำฝากเรียน พี่ชายให้เลือก ตร.น้ำ เพราะจบมามีโอกาสสอบเข้าเป็น นรต. ก็เลยลองดูสักตั้ง คิดไว้เสมอว่าถ้าสอบติดอาจทำให้ชีวิตดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ พี่ก็พยายามอ่านหนังสือในปีแรกแต่ไม่ติด ก็เลยตั้งใจเอามันใหม่ อ่านหนังสือให้มากกว่าเดิม ในปีที่ 2 พี่เลยสอบติดและได้เข้ามาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 ครับ แอดมิน : หลังจากที่พี่เข้ามาแล้วอะไรหนักกว่ากันครับพี่ระหว่างซีลกับนักเรียนนายร้อย พี่เณร : พี่ว่ามันเหนื่อยคนละแบบนะ จะเอาไปเทียบกันไม่ได้หรอก ที่นี่มันก็เหนื่อยอย่างนึง แต่ที่ฝึกซีลมันจะเหนื่อยการทำภารกิจและการออกกำลังกายมากกว่า แต่ที่แน่ๆเลยคือเหนื่อยทั้งคู่
แอดมิน : หลายท่านยังอาจจะไม่รู้ว่า พี่เณรเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตในกรณีอุบัติเหตุร่มไม่กางเพราะสายสลิงหลุด ผมขอให้พี่ช่วยเล่าเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่ได้กระโดดออกไปจากตัวเครื่องด้วยครับ
วันเกิดเหตุกระโดดลงมา โดยใช้ร่มช่วย
พี่เณร : ครับ...สำหรับพี่เป็นครั้งแรกในชีวิตสำหรับการโดดร่มยังไม่รู้เลยว่าเวลาร่มกางแล้วเราจะรู้สึกอย่างไรทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก...พอโดดออกมารู้แต่ว่าลมพัดขาทำให้ศีรษะดิ่งลงกับพื้น แต่ได้นับตามที่ครูฝึกได้สอนมา พอจังหวะเชคร่ม...ร่มยังไม่กาง... ตอนแรกก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าร่มอาจยังลู่ลมอยู่เดียวคงกาง แต่พอมองไปก็เห็นแต่เส้นสแตติคไลน์สบัดอยู่ขณะเดียวกันก็คิดว่ามันผิดสังเกตแล้วเลยตัดสินใจดึงร่มสำรอง ตอนนั้นมองเห็นร่มสำรองไหลออกมาแล้วก็กางเต็มที่ ทำให้ขาที่ชี้ฟ้าอยู่สบัดลง จากนั้นก็เตรียมตัวลงพื้น เกร็งขาสู้เต็มที่ ลงพื้นปลอดภัยครับ



แอดมิน : สุดยอดครับพี่! นี่แหละคือสิ่งที่ได้รับจากการฝึกฝน ทั้งไหวพริบและการทำตามขั้นตอนจากการฝึก ผมขอนับถือพี่เณรจริงๆครับที่ใช้เวลาตัดสินใจที่จะดึงร่มช่วยออกมาได้ภายในเสี้ยววินาที!

แอดมิน : เรื่องเครียดๆผ่านไป ไม่ทราบว่าผู้ชายที่ผ่านการฝึกหนักมาอย่างพี่มีงาานอดิเรกอะไร และอยู่ชมรมอะไรครับ?
พี่เณร : อยู่ชมรมว่ายน้ำและโปโลน้ำครับ งานอดิเรกชอบการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ
ชอบความสงบ รักความอิสระ
แอดมิน : พี่นี่ หล่อ ใจเย็น เป็นธรรมชาติ เข้ากับหน้าตาพี่มากๆจริงๆนะครับ พี่เณร : ... แอดมิน : อูย... แล้วคติประจำใจที่ใช้ในชิวิตประจำวันละครับ
พี่เณร : พี่คิดเสมอครับว่า
"เราจะยืนอยู่ได้เพราะเรามีร่างกายที่แข็งแรง

ร่างกายเราจะแข็งแรงได้เพราะเรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง"
แอดมิน : เป็นคติประจำใจที่ฟังแล้วแข็งแกร่งมากครับ..แล้วเมื่อจบไปเป็นนายตำรวจ พี่คาดหวังอย่างไรบ้างครับ?
พี่เณร : อย่าโดนไล่ออกจากตำรวจก็พอครับ ฮ่าๆๆๆ
คงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก มีก็เพียงแต่อยากนำความรู้ที่ได้จากการเรียนมาไปใช้เพื่อช่วยประชาชนให้เต็มที่เท่าที่จะสามารถช่วยเหลือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกเอารัดเอาเปรียบดูเหมือนว่าจะได้รับการช่วยเหลือน้อยให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
แอดมิน : รู้สึกแย่ไหมที่คนส่วนใหญ่ในสังคมมองตำรวจในภาพลบ
พี่เณร : คงไม่ถึงกับแย่เพราะในขณะเดียวกันก็มีคนอีกบางส่วนที่ใจกว้างพอและก็มองตำรวจในแง่ดีอยู่บ้าง ผมเป็นตำรวจถ้าหากเจอตำรวจที่คิดว่าทำไม่ถูกไม่เหมาะสม ผมยังไม่ชอบเลยครับ! นับประสาอะไรกับประชาชนทั่วไปจะมองว่าตำรวจไม่ดี ต่างคนต่างความคิดเราไม่สามารถบังคับให้คนอื่นมาชอบหรือไม่ให้ชอบเราได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวเราต่างหาก หากว่าเราทำตัวเองดีเหมาะสม ถูกต้องอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปสนคำพูดติฉินท์นินทานั้น
แต่ก็ไม่อยากให้ประชาชนมัวแต่จะจับผิดอย่างเดียวครับ
อยากให้ประชาชนมามีส่วนร่วมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่าครับเพื่อให้ความสงบสุขบังเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา
แอดมิน : สุดท้ายนี้พี่เณรมีอะไรจะฝากถึงน้องๆตำรวจเก่า และน้องๆที่จะสอบเข้ามาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจบ้างไหมครับ?
พี่เณร : หากน้องๆเป็นอีกคนที่อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ รร.นรต.ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขอให้น้องมีความตั้งใจ แล้วก็ลงมือทำให้เต็มที่ อย่าเพิ่งวาดฝันหรือคาดหวังอะไรมากเกินไป อย่าไปแต่งแต้มจินตนาการว่ามันต้องสวยงามหรือเลวร้ายเสมอไปจนกว่าจะได้ลงมือทำและสัมผัสกับสิ่งนั้นจริงๆ.



"ผมได้ตอบคำถาม ที่ได้ถามตัวเองไว้ก่อนฝึกแล้ว

และในวันนี้คำตอบของมัน...อยู่บนหน้าอกข้างซ้ายของผม."

นรต.เจริญพร รินทะระ
"มนุษย์กบ" ตัวเป็นๆ ที่ยังเดินเล่นอยู่ในโรงเรียน
.
.
.
.
.
.
.
.
.

แอดมิน : พี่เณรพี่ ถามจริงๆเถอะ ที่เขาว่าพี่ฆ่าคนด้วยมือเปล่านี่จริงปะ?


พี่เณร : ...




สนทยา 52

ผู้สัมภาษณ์/เรียบเรียง/เผยแพร่