วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

First Jump ครั้งแรกของการโดดร่ม!


Diary First jump


ครั้งแรกของการโดดร่ม!




          ใจตุ้มๆต่อมๆกับการโดดร่มในวันแรก บอกตามตรงว่าผมเป็นโรคกลัวความสูงมาก
จากการจัดรอบโดดผมได้โดดเป็นโหลดที่สอง(เที่ยวบินที่ 2) สติ๊กแรก คนที่ห้า
ได้เป็นคนนั่งพื้นเครื่องแถวกลาง โดดเป็นชุดแรกของเที่ยวบินนี้
ตอนอยู่ในเครื่อง ครูฝึกให้ร้องเพลง หนึ่งเพลง เพื่อปลุกใจ พวกเราโหลดสองก็เลยร้อง "เล่นของสูง"
ร้องไปพอเครื่องเอียงทีก็เงียบที ไม่เคยร้องไปแล้วลืมเนื้อกันแบบนี้เลย ฮ่าๆ
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นมาก พอจั้มป์ สั่งให้ลุกใจเรามันก็เริ่มแบบว่า เอาแล้วเว้ยจะโดดแล้ว!
พอเกี่ยวฮุค เช็คความพร้อมต่างๆ เข้าท่าทาง จั้มป์ก็สั่งคนแรก "Stand in the door!" 



...หัวใจมันก็เริ่มรัวเป็นกลองละ... 
หลังจากนั้นอีกสักพัก "Go!" 

          เสียงปล่อยตัวจากจั้มป์ และความเร็วในการโดดออกจากประตูของแต่ละคนผมพูดได้เลยว่าเหมือนวิ่งออกมาจากประตู ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด และทราบภายหลังว่าครูด่ามาไล่หลังแต่ความรู้สึกตอนนั้นคือ                             

"กูต้องไปแล้วโว้ยย!" 


           พอหลุดออกมาจากเครื่องสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น แม้ว่าผมอาจจะเหมือนวิ่งออกมา แต่ท่าทางยังถูกต้องบีบเข่าเท้าชิด ก้มหน้า ลืมตา ปากนับ นับนี่รู้ตัวว่านับช้าไปหน่อย ถึงแม้ว่าจะยังมีสติ แต่ก็ยังมีอาการ "เหวอ" ของการตกจากที่สูง (มากกกก)ครั้งแรก 

        พอ "two thousand" ก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าร่มออกมาจากแพคข้างหลังและกระตุกตัวเราขึ้นไปเล็กน้อย
        


        ในจังหวะ "three thousand" ของผม ผมมองเห็นทิวทัศน์ของชะอำในรูปแบบที่คนทั่วไปอาจจะไม่มีวันได้เห็น ท้องฟ้าสีคราม กับทะเลที่ต้องแสงพระอาทิตย์จนมันกลายเป็นแสงระยิบระยับ และอร่าม แทบจะกลืนกับท้องฟ้า    
มันสวยเสียจนผมยังจำติดตามาจนทุกวันนี้...

        "four thousand" ผมมองเห็นเพื่อนที่โดดลงมาอยู่ข้างๆกัน เนื่องจากการรีบออกมากันเกินไป และจังหวะ check canopy ผมมองขึ้นตรวจร่มว่าร่มกางสมบูรณ์หรือไม่ เมื่อร่มกางสมบูรณ์และลอยเอื่อยๆอยู่บนท้องฟ้า ผมตะโกนออกมาด้วยความสะใจ "วู้ววววว!" มันตะโกนออกมาด้วยอารมณ์เหมือนกับว่า   

                                    "รอดตายแล้วโว้ย" ความรู้สึกในตอนนั้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ




        และสิ่งที่ผมต้องทำต่อไปคือ   ดึงร่มเข้าสนามโดดแรกๆก็ยังงงๆ   ว่าต้องจับคู่ไหนลมไปทางไหนยังไง แต่ก็ระลึกไว้ได้ว่าต้องดึงคู่ที่เข้าสนามก่อน ลมยังไงก็ช่างมัน 
เพราะจั้มป์ต้องปล่อยให้ตัวเราพัดเข้าสนาม   ครูป๊ะที่ทำหน้าที่โฆษกอยู่ด้านล่างก็คอยบอกทิศทางลมว่าลมไปทางไหนต้องจับคู่ไหน 
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้คือลมบนกับลมล่างไม่เหมือนกัน เพราะสังเกตจากทิศทางที่ลมพัดปะทะหน้ามันขัดกับที่ครูบอก




                 แล้วความสนุกมันก็เริ่มขึ้นตรงนี้... ผมลองดึงตามที่ผมเข้าใจไม่ได้ดึงไว้ตลอดเวลา เนื่องจากผมบังคับร่มเข้าสนามแล้ว ลองดึง ลองปล่อย ลองเบรค ลองบังคับ ไปในทิศทางที่ต้องการ ผมโชคดีที่ลมไม่แรงมาก ทำให้เอื้อต่อการทดลองของผม
 

              ตอนนี้อยู่ในระยะ 200 เมตรแล้วจากการสังเกตความสูงเสาธงและบ้านเรือนที่เริ่มใหญ่และใกล้ผมเข้ามาทุกทีร่มของผมลงมาช้าๆเอื่อยๆ ทีแรกก็กำลังคิดว่า จะไปลงตรงวงกลม 69 ที่เพื่อนทำไว้เป็นสัญลักษณ์ดีหรือไม่ เพราะระยะห่าง ประมาณ 20 เมตร แต่มาคิดอีกที... 




                   นี่ครั้งแรกของผม... ผมเอาตัวเองรอดก่อนดีกว่า (ฮ่าๆ) พออยู่ในระยะประมาณ 150 เมตร    ผมเริ่มดึงคู่เบรคเต็มที่ ไม่มีปล่อย ร่มลงไวขึ้นเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกว่าพื้นดินที่มันพุ่งเข้าหน้าก็ช้าๆ เหมือนกัน ช้าจนทำให้ใจผมคิดว่า ผมจะยืนเลยดีไหมนะ? เพราะผมเป็นนักยูโด เคยชินกับการที่โลกหมุนหนึ่งรอบแล้วตัวกระแทกลงพื้นอยู่บ่อยๆ... แต่นี่มันช้ากว่าการถูกทุ่มเสียอีก... 

                   จิตใจที่ลังเล ทำให้เมื่อเท้าจะถึงพื้นผมเกิดอาการแหยงพื้น ยกเท้าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังดีที่ขาผมยังชิดคู่อยู่ เป็นจังหวะที่เท้าคู่กระทบพื้นพอดี แล้วด้วยสัญชาตญานจากการฝึกมาตลอดหนึ่งเดือน ก็ทำให้ล้มในท่าหน้าตรงล้มซ้ายได้อย่างถูกต้อง หัวไม่น็อคพื้น ตัวไม่บาดเจ็บ สบายเสียยิ่งกว่าการโดนทุ่มเสียอีก 
           เพื่อนผู้หญิงที่เป็นเซฟตี้ก็รีบวิ่งมาช่วย ผมยืนขึ้นแล้วรู้สึกเหมือนตัวถูกลาก แต่ขาติดสายร่มอยู่หนึ่งเส้น ผมรีบเอาออกและ วิ่งตัดทิศทางลม เพื่อไม่ให้ร่มลากผมไป เพื่อนผู้หญิงก็ช่วยดึงหัวร่ม และช่วยพับร่มเก็บ ผมแหงนหน้ามองฟ้า สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อระลึกว่าผมได้ผ่านสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในชีวิต            
            ผมรู้สึกประทับใจมากในการโดดครั้งแรกของผม แม้จะมีข้อผิดพลาดอยู่หลายจุด แต่บอกได้เลยว่าไม่มีครั้งไหนประทับใจเท่ากับการโดดร่มครั้งแรกแล้วจริงๆ.


1 ความคิดเห็น: